วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

6 วิธีการบอกรัก


6 วิธีการบอกรัก (he to she)

มาคราวนี้เราจะมาบอกวิธีการบอกรักของชายหนุ่ม ทำอย่างไรให้หญิงที่เราหมายมั่น จะมาเป็นยอดชีวันของเรา (ลองอ่านดู หากทำตามก็ควรระมัดระวัง ผู้เขียนไม่รับประกัน ความสำเร็จ^ ^")

1.บอก ไปเลยตรงๆว่ารักมาก แบบนี้ไม่มีลีลา พี่เล่นทื่อๆไปตรงๆ รักก็บอกว่ารัก ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ต้องคิดมาก แต่ข้อควรระวัง หากหญิงอยู่ในช่วงกำลังดูหน่วยก้าน ของเราอยู่ การที่เราพูดไปอย่างนี้ อาจทำให้หญิงนั้นปฏิเสธไปก่อน ทั้งๆที่เธอยังดูใจ เราอยู่ เรียกว่าต้องดูโอกาสอำนวยในการพูดไปตรงๆ

2.ส่งของ ขวัญแสดงสัญญลักษณ์ของความรัก แบบนี้ไม่ต้องพูดมาก ของขวัญนั้นพูด แทนเรา ของขวัญยอดฮิตติดอันดับนิรันดร์กาล ได้แก่ ดอกกุหลาบ แหวนเพชร หรือ เป็นพวกกล่องดนตรีก็โรแมนติกดีไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีสินค้าไม่น้อยที่พยายาม สร้างลักษณะของขวัญสื่อรัก หรือเป็นการแทนความห่วงใย เช่น นมตราหมี ซุปไก่สกัดตราแบนด์ หรือแม้แต่ คู่รักคู่รส คอฟฟี่เมต นั้นไง

3.มีพ่อสื่อ-แม่สื่อ เป็นนายหน้า แบบนี้ชายหนุ่มไม่กล้าเอื้อนเอยเอง ก็อาศัยพ่อสื่อแม่ชัก เป็นผู้ไปบอกให้แทน วิธีนี้ออกจะไม่เป็นตัวของตัวเอง และดูไม่กล้าหาญเอาเสียเลย เรื่องแค่นี้พูดเองก็ไม่ได้ และอีกอย่างระหว่างบรรดาพ่อสื่อทั้งหลาย ที่บางครั้งจะกลายพันธ์ จีบหญิงที่เราปองเสียเอง เห็นมานักต่อนักแล้ว อย่างหนูฟ้า ชนิกา สุจริตกุล งั้นที่แฟนเธอ อดีตเป็นพ่อสื่อให้เพื่อน แล้วกลับมาเป็นพ่อพระเอกของเรื่องเสียเอง

4.บอกผ่าน จดหมาย หรือ E-mail วิธีนี้ดักแปลงจากวิธีโบราณ ที่แต่เดิมจะบอกรักด้วยการ เขียนกลอนไพเราะไปให้สาว แต่งกันหวานเยิ้มจนทำให้แม่ตาหวานอดใจอ่อนไม่ได้ จนกลอนรักกลายเป็นศิลปชั้นครูไป แต่ตกมาศตวรรษนี้ กลอนก็ยังดูไม่เชย (ไม่งั้น web ต่างๆคงไม่เอากลอนมาลงหรอก) แถมแทนที่จะส่งเป็นจดหมาย ก็ส่งผ่าน E-mail หรือ Pager ไปเสียเลย

5.ใช้สายตา เป็นหน้าต่างของหัวใจ กลุ่มนี้ไม่ยอมพูด แต่ตานี้หวานช่ำด้วยประกายแห่งรัก แต่ถ้าผู้หญิงที่ไม่ค่อยสังเกตุอาจจะดูไม่ออก แถมถ้าพ่อหนุ่มมีปัญหาเรื่องตาอาจจะดูความ หวานช่ำของตา เป็นตาประเภทพิการไปได้

6.ไม่ต้องบอกใดๆทั้งสิ้น การกระทำต่างหากจะช่วยบอกเอง แบบนี้ก็เป็นที่นิยมไม่น้อย พวกนี้เป็นพวกอุดมคติสูง เห็นว่าการบอกรักเป็นเรื่องไม่จริงใจ สู้การกระทำไม่ได้ การแสดงความห่วงใย การแสดงความเข้าใจ การติดต่ออย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด เหล่านี้ ไม่บอกสาวๆที่ไอคิวไม่ต่ำก็จะทราบความนัยเอง แถมรักษารูปมวยของการชายหนุ่ม ด้วยหากต่อมาสาวเกิดไม่เล่นด้วย เราจะได้ไม่น่าแตกเหมือนการบอกรักในวิธีอื่นๆ

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553



ใครที่ชอบทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นประจำ ทราบหรือไม่ว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีโทษต่อร่างกายอย่างไรบ้าง วันนี้เกร็ดความรู้มีโทษของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาบอกกัน...
ส่วนประกอบของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ส่วนใหญ่เป็นแป้งสาลีถึง 60-70% ส่วน 15-20% เป็นไขมัน (อยู่ในเครื่องปรุง) ที่เหลืออีก 5-6% เป็นเกลือและผงชูรสล้วน ๆ เพราะฉะนั้นถ้าทานบะหมี่สำเร็จรูปมากกว่า 1 ซองต่อวัน ร่างกายก็จะได้รับปริมาณโซเดียมเกินความต้องการถึง 50-100% ซึ่งเป็นอันตรายต่อไต และยังจะทำให้ความดันโลหิตสูงอีกด้วย
ต่อไปนี้ถ้าอยากจะทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ควรจะทำตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณะสุข

- ใส่ไข่ ผัก หรือเนื้อสัตว์ลงไปด้วย เพื่อเพิ่มสารอาหารและป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป - ควรเลือกซื้อบะหมี่สำเร็จรูปที่เขียนว่า เพิ่มสารไอโอดีน ธาตุเหล็ก และวิตามินเอ ไว้หน้าซอง - ไม่ควรทานบะหมี่สำเร็จรูปดิบ ๆ เพราะเส้นบะหมี่จะไปพองตัวในกระเพาะ อาจทำให้ท้องอืดได้ - ที่สำคัญที่สุดคือไม่ควรทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากกว่าวันละ 1 ซอง เพื่อป้องกันโรคที่เกิดกับไต และโรคความดันโลหิต

1.สูตรหน้าใสด้วยน้ำผึ้งผสมมะนาว

ส่วนผสม: น้ำผึ้ง 1 ถ้วย

น้ำมะนาว 1 ช้อนชา

วิธีทำ: ผสมน้ำผึ้งกับน้ำมะนาวให้เข้ากัน นำมานวดให้ทั่วใบหน้าประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

  • มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิวเช่นเดียวกับครีมที่ผสมกรด AHA ส่วนน้ำผึ้งจะทำให้ผิวหน้านุ่มและชุ่มชื้น

2. สูตรหน้าใสด้วยแอปเปิ้ล

ส่วนผสม: แอปเปิ้ล ปอกเปลือกแล้วคว้านเอาเฉพาะเนื้อ

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: นำเนื้อแอปเปิ้ลมาปั่นรวมกับน้ำผึ้ง ทาให้ทั่วใบหน้าแล้วนวดเบาๆ ทิ้งไว้ 15 นาที หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำเย็น

  • สูตรนี้จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทำให้ใบหน้าดูสดใสเปล่งปลั่ง อีกด้วย

3. สูตรกระชับรูขุมขน

ส่วนผสม: กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศ เลือกใช้อย่างใดอย่างหนึ่งปอกเปลือก เอาเมล็ดออกให้หมดแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

น้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยว

วิธีทำ: ใช้กล้วยหอม แตงกวาหรือมะเขือเทศก็ได้ เติมน้ำผึ้งหรือนมเปรี้ยว นำไปปั่นให้ละเอียดจนเป็นเนื้อครีม นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น

  • สูตรนี้จะ ช่วยทำความสะอาดใบหน้า และกระชับรูขุมขนและบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

4. สูตรครีมทำความสะอาดผิวหน้า (Cleanser)

ส่วนผสม: โยเกิร์ต ½ ถ้วย

น้ำมันดอกทานตะวัน

มะนาวสด1½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: ผสมโยเกิร์ต น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมะนาวสดให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วหน้าประมาณ 5 นาที ทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออก ด้วยน้ำสะอาด

  • สูตรนี้ใช้ได้กับทุกสภาพผิว จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอีกด้วย

5. สูตรสาวผิวแห้ง มอยเจอร์ไรเซอร์จากกล้วย

ส่วนผสม: กล้วย 1 ผล

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: บดกล้วยกับน้ำผึ้ง ผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าทิ้งไว้ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้นขึ้น

  • สูตรนี้เหมาะกับผิวแห้ง

6. สูตรพอกหน้าใสจากแตงกวา

ส่วนผสม: แตงกวา 1 ผล หั่นแตงกวาเป็น ชิ้นบางๆ

ไข่ไก่ 1 ฟอง(ใช้เฉพาะไข่ขาว)

น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ: นำแตงกวา ไข่ไก่(ใช้เฉพาะไข่ขาว)และมะนาว ไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตา ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยกระชับรูขุมขน ผิวหน้าจะ ดูเนียนเรียบและชุ่มชื้น


สูตรที่ 1
สูตรอาหารไฮโซค่ะ 3 วัน 3 กก. อึม เป็นไง อ่านแล้วน่าสนใจดีไม๊คะ วันละ 1 กก. แบบนี้ 1 อาทิตย์ก็ผอมเพรียวสมใจอยาก แถมรายการอาหารยังไม่โหด เหมือนซุปผักเมื่อกี้อีกด้วย ได้ทานขนมปังอีกตะหาก สวรค์ของคนลดน้ำหนักเลยค่ะ แต่ขอบอกค่ะว่าแต่ละวันอาหารตามสูตรหายากมากกก แบบออกแนวไฮโซ บ้านๆ อย่างเราไม่ค่อยซื้อทานหรอกค่ะ สูตรมีดังนี้นะคะ

วันที่ 1

เช้า กาแฟ หรือ ชา ไม่ใส่น้ำตาลและครีมเทียม 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น (โฮลวีทได้ก็จะดีมาก)
ถั่ว baked bean 120 กรัม (ถั่วในซอสมะเขือเทศ)
ส้ม 1 ลูก

กลางวัน กาแฟ หรือชา 1 ถ้วย

ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
ปลาทูน่า 120 กรัม

เย็น ถั่วฝักยาวต้ม 120 กรัม

บีทรูท หรือ แครอท ต้ม 120 กรัม
แฮมไก่ 2 แผ่น ไก่เท่านั้นนะคะ
ไอศกรีม วานิลา 1 ถ้วยเล็ก



วันที่ 2

เช้า กาแฟหรือ ชา 1 ถ้วย
ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
ไข่ต้ม 1 ฟอง
กล้วยหอม 1/2ผล

กลางวัน แครกเกอร์แบบเค็ม 5 แผ่น

ชีส low fat 1 แผ่น (อาจเปลี่ยนเป็น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ)

เย็น บล๊อคโครี่ กับแครอท ต้ม อย่างละ 120 กรัม

แฮมไก่ 2 แผ่น
กล้วยหอม 1/2ผล
ไอศกรีม วานิลา 1 ถ้วยเล็ก



วันที่ 3

เช้า กาแฟหรือ ชา 1 ถ้วย
แครกเกอร์ เค็ม 5 แผ่น
ชีส low fat 1 แผ่น
แอ๊ปเปิ้ล 1 ผล

กลางวัน กาแฟหรือชา 1 ถ้วย

ขนมปังปิ้ง 1 แผ่น
ไข่ต้ม 1 ลูก

เย็น ดอกกะหล่ำต้ม กับ แครอท อย่างละ 120 กรัม

ทูน่า 120 กรัม
แตงไทย หรือ แคนตาลูป 1 ชิ้น
ไอศกรีมวานิลา 1 ถ้วยเล็ก






สูตรที่ 2

เห็นเค้าบอกว่าเป็นสูตรพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพฯ สูตรน่าสนใจมากค่ะ และยังบอกอีกว่าสามารถลดน้ำหนักได้ อาทิตย์ละ 9 กก. ค่ะ เห็นสูตรครั้งแรกดิฉันจดอย่างเร็วเลย ถ้าลดได้ขนาดนี้ละล่ะก็ ต่อให้ทานผิดพลาดยังไง อย่างต่ำคงลดได้ 3 กก. แหละค่ะ อาหารก็หาง่ายๆ เหมือนเราทานทุกวันนี่ล่ะค่ะ

วันที่ 1

เช้า...น้ำผลไม้คั้นหรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน... ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น... สลัดผัก

วันที่ 2

เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน...ไข่ต้ม 2 ฟอง
เย็น...โยเกิร์ต 1 ถ้วย

วันที่ 3

เช้า... กาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วย
กลางวัน... เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม (เนื้อ,หมู)
เย็น... สับปะรด 1 ชิ้น

วันที่ 4

เช้า...น้ำผลไม้คั้น หรือกาแฟดำและขนมปัง 1 แผ่น
กลางวัน... สลัดผักและไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น...โยเกิร์ต 1 ถ้วย

วันที่ 5

เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน... ส้มตำและไก่ย่าง 1 ชิ้น
เย็น... สลัดผัก

วันที่ 6

เช้า... น้ำผลไม้คั้นหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล 1 ถ้วย
กลางวัน... ปลานึ่งหรือปลาเผาไม่จำกัด
เย็น... นมสด 1 แก้ว(พร่องมันเนย)

วันที่ 7

เช้า... ข้าว 1 ทัพพีและเนื้อ 1 ชิ้นหรือไข่ต้ม 1 ฟอง
กลางวัน... เกาเหลาลูกชิ้น 1 ชาม(เนื้อ,หมู)
เย็น... สับปะรด 1 ชิ้น

“ไท โกะ”


“ไท โกะ” (Taiko) แปลว่ากลองใบใหญ่ เป็นอีกร้านหนึ่งที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องรสชาติญี่ปุ่นแท้ๆ เจ้าของเป็นคนไทยที่อัธยาศัยดี ลูกค้า 99% เป็นคนญี่ปุ่น บางคนพาครอบครัวมากินทุกวัน การจะดูว่าร้านอาหารญี่ปุ่นร้านไหนรสชาติแท้และแน่นอน ให้ดูที่ลูกค้า ถ้ามีญี่ปุ่นกว่า 90% ถือว่าใช้ได้ แต่ถ้าเกือบทั้งร้านเป็นคนไทย ท่านจะไม่ได้ลิ้มลองเมนูญี่ปุ่นแท้ๆ

เมนูเด็ดของร้าน นี้ก็มีหลายอย่าง และแทบไม่ผิดหวังทุกอย่าง เพราะสั่งวัตถุดิบมาจากต่างประเทศ เช่น แปะก๊วยย่างเกลือ ปลากระเบนญี่ปุ่นย่าง ยำปลาทู ปลาดิบ และพิซซ่าญี่ปุ่น

불고기 (พุลโกกี)


불고기 (พุลโกกี) - เนื้อย่างเกาหลีอันเลื่องชื่อนั่นเอง คนที่ไปกินมาแล้ว การันตีทุกคนว่าเหนือชั้นกว่าหมูกระทะที่เมืองไทย (สุดๆว้อย) เพราะจะเป็นเนื้อที่หมักอย่างดี และหอมหวานชวนน้ำลายสอ ถ้าไปกินหลายๆคน ต้องเกิดเหตุการณ์เอาตะเกียบตบกันแย่งเนื้อ - -* (อ้างอิงจากหลายท่าน)

อกหัก คือ...



อกหัก คือ...


อกหัก คือ การที่เราได้รู้ว่าต่อไปจากนี้ ทุกสิ่งดูเหมือนไม่มีค่าเลยสำหรับเรา
อกหัก คือ การเริ่มต้นใหม่ ของชีวิต
อกหัก คือ การเริ่มต้นของการรักคนอื่นเป็น
อกหัก คือ ฟังเพลงเศร้า ๆ แล้วมันอิน เสียจนน้ำตามันไหลออกมา
อกหัก คือ ทำให้เรารู้ว่าคน ๆ หนึ่งมีค่าสำหรับเรามากถึงมากที่สุด
อกหัก คือ รสชาติของชีวิต
อกหัก คือ ความรู้สึกหลาย ๆ อย่างผสมปนเป จนทำให้ชีวิตสับสน
อกหัก คือ ทำให้เรารู้ว่ามีใครหลาย ๆ คนรักเรามากกว่าคนที่ทิ้งเราไป
อกหัก คือ การหมดสิ้นทุก ๆ สิ่งทุก ๆ อย่างของชีวิต
อกหัก คือ การเสียสละเพื่อคนที่เรารัก

อกหัก คือ การได้รู้จักคำว่ารักต้องเจ็บปวด
อกหัก คือ ความว่างเปล่าของชีวิต ๆ หนึ่ง
อกหัก คือ การมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างไร้จุดหมาย
อกหัก คือ ความรู้สึกที่มันบรรยายไม่ได้
อกหัก คือ การรอคอยการกลับมาของคนที่จากไป
อกหัก คือ การที่เราทำอะไรบ้า ๆ หลายอย่างลงไปอย่างไม่รู้ตัว
อกหัก คือ เหงาที่สุดในชีวิตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
อกหัก คือ เหมือนอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด
อกหัก คือ หลับตาลงก้อเห็นแต่ภาพเวลามีความสุขอยู่กับเขา
อกหัก คือ ความทรงจำช่วงเวลาหนึ่งที่เคยมีกับคนที่รักมากที่สุด
อกหัก คือ อยากลืมแต่ยิ่งจำ
อกหัก คือ ไม่อยากเห็นเขาอยู่กับใครคนอื่นที่ไม่ใช่เรา
อกหัก คือ ไม่รู้ว่าจะอยู่อย่างไรเมื่อไม่มีเขา
อกหัก คือ ไม่รู้ว่าชีวิตในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร
อกหัก คือ การก้าวเดินอย่างไร้ความหมาย...



รัก คือ อะไรก็ตามที่คุณยอมและพร้อมจะทุ่มเทให้


ความรัก คือ ความรู้สึก ซึ่งมีความรู้สึกหลายๆ แบบปนกันอยู่ หากเปรียบเทียบกับทางวิชาเคมี อาจกล่าวได้ว่า ความรักเป็นสารประกอบ อาจประกอบไปด้วย ความใคร่ ความชอบ ความหลง ซึ่งมักทำให้เกิดได้ทั้งความสุขและความทุกข์


ความรักคือพลังชีวิต

การ ที่คนเราสองคนจะมาเป็นสามีภรรยากันเป็นเรื่องง่าย แต่จะให้ครองชีวิตคู่ราบรื่นยาวนานเป็นเรื่องยาก เพราะทั้งคู่ต่างก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเองทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม อารมณ์ และวัฒนธรรม ความรู้ ความคิด ความเชื่อต่างๆ เมื่อมาอยู่ด้วยกันย่อมทำให้เกิดความขัดแย้งได้เสมอ การเปลี่ยนแปลงจากชีวิตโสดมาสู่ชีวิตคู่ จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ ในการอยู่ร่วมกัน รู้จักปรับตัวเข้าหากัน และเมื่อเกิดปัญหา ก็จะต้องรู้วิธีจัดการกับปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ด้วยความรอบคอบระมัดระวัง มิฉะนั้นอาจทำให้ความขัดแย้งนั้นขยายความรุนแรงจนไปสู่ การหย่าร้างและการล่มสลายของครอบครัวได้ในที่สุด
ขั้นตอนของ "เทคนิคการครองชีวิตคู่" ประกอบด้วย

การเริ่มต้นชีวิตครอบครัวที่ดีต้องมีความรัก
การพัฒนาตนเองเพื่อชีวิตสมรสที่ดีขึ้น
ความผูกพันรักใคร่ในครอบครัว
การสื่อสารในชีวิตสมรส
ความรู้เรื่องเพศในชีวิตสมรส
การแก้ไขปัญหาอุปสรรคในชีวิตสมรส

นิยามคําว่าเพื่อนซึ้งๆ


ในนิยามของคำว่าเพื่อน
เธอทำให้รู้สึกเหมือนเธอเป็นได้มากกว่า
อบอุ่นจริงใจ
และห่วงใยเสมอมา
อยู่ตรงไหนก็รู้ว่ายังผูกพัน
และเป็นความผูกพันที่เหนียวแน่น
เพื่อนอื่นหมื่นแสน
แทนพวกเธอไม่ได้ทั้งนั้น
ขอบคุณมากนะกับใจจริงที่ให้กัน
และจะเป็นเพื่อนที่แสนดีตลอดไปเช่นกันให้…สัญญา

เพื่อน มิตรภาพ ที่ควรดูแลให้ดี รักษาไว้ให้นานที่สุด

นิยามคำว่า เมีย......ขำๆๆ



เมียหลวง
คือ ภรรยาที่เคยดีที่สุดในอดีต แต่กาลเวลาและสิ่งแวดล้อมทำลายความดีของ เธอจนหมดสิ้นในระยะเวลาอันสั้นและทิ้งความโหดร้าย
ไว้ให้เธอต้องรับผลกรรม คือ ความจุกจิก จู้จี้ ขี้บ่น แก่ง่าย พูดมาก กินจุจนอ้วน ดุเหมือนเสือ โถ…น่าสงสาร
มียน้อย
คือ ผู้หญิงที่ดีที่สุดของผู้ชายที่เพิ่งมาค้นพบภายหลัง
เมียเก็บ
คือ อาหารพิเศษที่มีรสชาติแตกต่างจากอาหารธรรมดาทั่วไปเหมาะที่จะกินเป็น ครั้งคราวเพื่อแก้เลี่ยน เป็นสินค้ายอดนิยมและมีราคาแพง เงื่อนไขเยอะ
เมียแต่ง
คือ ผู้หญิงที่ทรงคุณค่าและคุณผู้ชายอยากจะประทับรอยรักสุดใจขาดดิ้น แต่ไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่านี้
เมียเช่า
คือ ผู้หญิงผิวคล้ำ ขี้ร้อน ใช้เสื้อผ้าน้อยชิ้นสูบบุหรี่กินเหล้าเป็นงานอดิเรก รสนิยมสูง นิยมบริโภคของนอกมีปริมาณความรักขึ้นลงตามกระแสไหลเวียนของเงินสด
เมียจ๋า
คือ ผู้หญิงหน้าดุเหมือนเสือ ยืนชูไม้ตีพริกเหมือนเทพีสันติภาพ และมีสามีนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นประสานมือเหนือหน้าอกเหมือนไหว้เจ้ามี ประวัติเพิ่งทำการละเมิด ข้อห้ามร้ายแรงของภรรยาบังเกิดเกล้า ลักษณะตัวสั่น น้ำลายไหลเล็กน้อย พูดตะกุกตะกักว่า "เมียจ๋า" ซึ่งเป็นคำพูดในความหมายขออภัย ไถ่โทษ
เมียผม
คือ ผู้หญิงสวย ขาว หุ่นเพรียวผอม อายุน้อย หน้าตาน่ารักยังไม่มีการรวมตัวกัน ของไขมันและตีนกา พูดจาไพเราะ อ่อนหวานผู้ชายที่พบเห็นจะเกิดอาการเขื่อนกันน้ำลายพัง ทำให้น้ำลายเอ่อล้นออกมานอกปาก แสดงอาการหึงหวง กีดกันชายอื่นไม่ ให้เข้าใกล้ แสดงความเป็นเจ้าของทั้งที่บางครั้งยังไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง
เมียเรา
คือ ผู้หญิงเอนกประสงค์ที่มีการปรับสภาพเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี สามารถพลิกแพลงใช้งานได้หลายรูปแบบ ค่าใช้จ่ายในการ maintenance ต่ำ สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ค่อยเป็นภาระของ user มักใช้ประโยชน์ร่วมกันในหมู่เพื่อนฝูง
เมียบังเกิดเกล้า
สามี ที่มีภรรยาประเภทนี้จะใช้คำพูดอยู่สองคำ คือ "ครับ" กับ "ใช่ครับ" และใช้สรรพนามเรียกภรรยาว่า "แม่" มักอธิบายให้เพื่อนว่าเรียกตามลูก แต่เพื่อนๆ ไม่แน่ใจว่าเรียกตามลูก หรือเรียกด้วย ความเคารพยำเกรง เพื่อสวัสดิภาพของตัวเอง และที่สำคัญ ได้ลบคำว่า "นอกใจ" ออกจากสมองและพจนานุกรมในบ้านเรียบร้อยแล้ว



กฏ 10 ข้อ ของการเป็นกิ๊กไว้ว่า

1. ห้ามหึงหวง

2. มีอะไรกันได้ แต่ไม่ใช่ของกันและกัน

3. ไม่มีสิทธิเรียกร้องมากเกินเหตุ

4. ห้ามใช้กิ๊กร่วมกันกับเพื่อน

5. กิ๊กอาจเปลี่ยนสถานะได้ และห้ามเศร้า

6. ถ้ากิ๊กคิดจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตน โดยไม่ใช่เราห้ามฟูมฟาย ต้องยอมรับด้วยความยินดี และค่อย
ตกลงกันทีหลังว่า จะกิ๊กกันต่อไปหรือไม่

7. ไม่จำเป็นต้องเทคแคร์กันเกินเหตุ เพราะเป็นแค่กิ๊ก

8. กิ๊กไม่ได้จำกัดจำนวน เป็นอินฟินิตี้ ไม่จำกัดเพศ วัย และ สถานภาพ ถ้าไม่กลัวตาย เพราะเอดส์

9. กิ๊กสำคัญรองจากแฟน

10. กิ๊กยังไงก็เป็นกิ๊ก ต้องเจียมตัว

เพลง อาศาที่เเตกต่าง



บางเวลาไม่เคยจะคิด ว่าชีวิตนี้จะพบกับเธอ

เป็นสิ่งดีๆ ที่ได้มาเจอกับความหมาย

คนๆ นึง ได้พาชีวิตให้ข้ามเวลาที่หามานาน

และนั่นคือเธอ คือความต้องการของหัวใจ

ต่างกันเพียงองศาที่เราอยู่ อาจจะดูว่าเราห่างกัน
แต่ว่าคนบนฟ้าก็พาให้เรามาเจอกัน

และทำให้ฉัน...ได้พบกับวันสวยงาม

อยากขอบคุณ...ที่โลกสร้างเธอขึ้นมา

ให้ฉันได้พบเวลา...ที่สดใส

หากความจริง...ถึงเธอจะอยู่แสนไกล

ก็ยังจะคอยส่งใจ...ไปหาเธอ ไปหาเธอ
ต่างกันเพียงองศาที่เราอยู่ อาจจะดูว่าเราห่างกัน
แต่ว่าคนบนฟ้าก็พาให้เรามาเจอกัน
และทำให้ฉัน...ได้พบกับวันสวยงาม

อยากขอบคุณ...ที่โลกสร้างเธอขึ้นมา

ให้ฉันได้พบเวลา...ที่สดใส

หากความจริง...ถึงเธอจะอยู่แสนไกล
ก็ยังจะคอยส่งใจ...ไปหาเธอ ไปหาเธอ

อยากขอบคุณ...ที่โลกสร้างเธอขึ้นมา
ให้ฉันได้พบเวลา...ที่สดใส

หากความจริง...ถึงเธอจะอยู่แสนไกล

ก็ยังจะคอยส่งใจ...ไปหาเธอ ไปหาเธอ

แต่งหน้าสไตล์เกาหลี แบบธรรมชาติ




จุดเด่น
ของ การแต่งหน้าสไตล์ธรรมชาติ คือ การแต่งหน้าในแบบที่แต่งหน้าแล้วแต่ดูสวยใสราวกับไม่ได้แต่งหน้า ซ้ำยังสามารถปกปิดจุดด้อย และเสริมสร้างจุดเด่นบนใบหน้าให้สวยขึ้นได้อีก สังเกตได้จากสไตล์การแต่งหน้าของ “ชงเฮเคียว” นางเอกจากซีรีส์เกาหลีเรื่อง “Full house” และ “ลียองเอ” นางเอกจากเรื่อง “แดจังกึม” ในละครและหนังของเกาหลี จะเห็นได้ว่านางเอกเหล่านี้ไม่ได้แต่งหน้ามาก แต่สามารถออกมาสวยและเป็นธรรมชาติมากๆ
ข้อควรระวัง ของการแต่งหน้าสไตล์นี้ คือ การแต่งหน้านั้นไม่ใช่การโชว์สีที่ใบหน้า แต่การแต่งหน้านั้นเพื่อทำให้เราสวยขึ้นและทำให้เราดูเด็กลง


รองพื้น ข้อ แตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดสำหรับการแต่งหน้าสไตล์ไทยและการแต่งหน้าสไตล์ เกาหลี คือ การลงรองพื้น และการเขียนคิ้ว ซึ่งการแต่งหน้าสไตล์ Natural Make-up นั้น การลงรองพื้น และการเขียนคิ้ว ถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ถ้าเราลงรองพื้นและเขียนคิ้วเสร็จแล้ว ถือได้ว่าเราแต่งหน้าเสร็จไปแล้ว 70%


การ ลงรองพื้นให้เลือกตามสีผิวของเราเอง (อย่าลงให้ขาวเว่อร์เกินสีผิวจริง) ต้องลงรองพื้นให้เบาบางที่สุด และใช้คอนซิลเลอร์ปกปิดแค่ส่วนที่เราอยากจะปกปิดเท่านั้น เช่น สิว ฝ้า กระ รอยจุดด่างดำ แผลเป็น จะทำให้หน้าดูเบาบางกว่าการที่เราจะลงรองพื้นหนาๆ และให้กดเยอะๆ นานๆ เพื่อทำให้เครื่องสำอางอยู่ทนติดหน้าเราได้ทั้งวัน


การเขียนคิ้ว แต่ละคนจะมีรูปคิ้วที่แตกต่างกัน คนเกาหลีนิยมเขียนคิ้วตามรูปคิ้วจริงๆ (จึงมองดูคิ้วหนา) ต่างจากคนไทยที่นิยมเขียนคิ้วแบบคันศร (เป็นเส้นเดียวยาวโค้ง) การเขียนคิ้วควรใช้ดินสอเขียนคิ้ว (Ebony Pencil) สกรูว์บรัช, และ แชโดว์บรัช ในการเขียนคิ้ว เพื่อจะทำให้คิ้วออกมาดูเป็นธรรมชาติ เวลาเขียนคิ้วพยายามอย่าให้โหนกคิ้วสูงจนเกินไป ทำให้รู้สึกนุ่มมากที่สุด
ข้อควรระวัง การใช้ดินสอเขียนคิ้วที่มีส่วนของน้ำมันผสมอยู่ จะทำให้คิ้วดูเข้มและไม่เป็นธรรมชาติ


อายแชโดว์ ควรลงรองพื้นให้เข้ากับโทนสีผิวของตัวเองก่อน หลังลงรองพื้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้สีชมพูเป็นพอยต์ (Point) เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่สว่างและเพิ่มส่วนที่เป็นไฮไลต์ โดยใช้แชโดว์ที่เป็นมุกจะให้ความรู้สึกที่ดูใส สว่าง ข้อสำคัญสาวเกาหลีจะเขียนขอบตาเฉพาะขอบตาบน
ข้อควรระวัง อย่าใช้สีมากเกินไป เพราะจะทำให้ดูเชย ไม่ทันสมัย ที่สำคัญแลดูไม่เป็นธรรมชาติ หากจะเล่นสีที่ตานิยมใช้โทนสีพาสเทล


ลิปสติก การทาลิปนั้นไม่ต้องเน้นลิปไลน์มาก ควรทาลิปที่เป็นโทนสีแดงทาแค่ในปากเท่านั้น จะทำให้รู้สึกว่าริมฝีปากสว่าง สดใสขึ้น และให้ใช้ลิปกลอสทาตั้งแต่ริมฝีปากข้างในจนถึงข้างนอกให้แลดูเป็นธรรมชาติ
ข้อควรระวัง อย่าทาลิปกลอสในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะดูเหมือนว่าเพิ่งผ่านการรับประทานอาหารที่มันๆ มา


บลัชออน การปัดแก้มควรใช้บลัชออนสีชมพูที่เป็นธรรมชาติปัดบนส่วนที่เป็นโหนกแก้ม (โดยลองยิ้มดูแล้วปัดตรงส่วนที่นูนขึ้นมามากที่สุด) แต่อย่าทามากเกินไป เพราะจะทำให้รู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ












วิธีรักษารักแร้ดำ



ใช้สูตรสมุนไพรธรรมชาติ เพื่อช่วยให้ใต้วงแขนขาวเนียนค่ะ...
ได้แก่

1. มะขาม โดยนำมะขามเปียกผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อยมาทาทิ้งไว้สักนาทีแล้วล้างออก นอกจากจะทำให้ผิวขาวใสแล้ว ยังช่วยให้ผิวเนียนนุ่มได้อีกด้วย

2. มะนาว ใช้มะนาวเอามาถูรักแร้ทิ้งไว้ 2-3 นาที จึงล้างน้ำออก ส่วนที่เหลือของมะนาวยังใช้ถูตามข้อพับ หัวเข่า ข้อศอกที่ดำๆ ได้อีกด้วย

3. เกลือสปา ใช้เกลือขัดผิวถูเบาๆ เน้นว่าเบาๆนะคะ ไม่เช่นนั้นเกลืออาจจะบาดรักแร้เอาได้


อวดต้นแขน...อย่างมั่นใจ





อวดต้นแขน...อย่างมั่นใจ (สวยด้วยแพทย์)


ที่ผ่านมามักแนะนำแต่ท่าบริหารหน้าท้องและต้นขา ถึงจะเป็นบริเวณที่สร้างความหนักอกหนักใจให้กับสาว ๆ ก็เถอะ แต่ "ต้นแขน" ก็เป็นบริเวณที่ห้ามหลงลืมนะคะ สาว ๆ หลายท่านอยากสวมเสื้อแขนกุด แต่อดกังวลกับกล้ามเนื้อต้นแขนที่ห้อยย้อยไม่ได้ วันนี้เราเลยหยิบ 3 ท่าบริหารง่าย ๆ ที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อต้นแขนของคุณกลับมากระชับ เพื่อจะได้สวมเสื้อแขนกุดโชว์ต้นแขนได้อย่างมั่นใจ

หากบริหารอย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากจะลดการห้อยย้อยแกว่งไกวของต้นแขน ยังช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วยค่ะ

ท่ายืดกล้ามเนื้อต้นแขน

A.นอนราบกับพื้น มือขวาถือดัมเบลล์ขนาดเหมาะมือ เหยียดแขนขวาตั้งตรง ใช้มือซ้ายยืดแขนขวาไว้ให้มั่นคง

B.พันเฉพาะปลายแขนขวาลงช้า ๆ (ช่วงต้นแขนตั้งแต่หัวไหล่ถึงข้อศอกอยู่ในแนวเดิม) โดยวาดมือไปยังหัวไหล่ซ้าย จากนั้นยืดแขนขึ้นสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 1-3 ชุด ชุดละ 8-12 ครั้ง แล้วสลับทำที่แขนอีกข้าง

ท่าต้นแขนเอียงลาด

A.นั่งบริเวณขอบเก้าอี้ มือจับขอบเก้าอี้ไว้โดยให้ช่วงมือห่างเท่าความกว้างของหัวไหล่ หันนิ้วมือไปทางด้านหน้า จากนั้นเลื่อนสะโพกโดยก้าวเท้าไป ข้างหน้าให้พ้นจากที่นั่ง กระทั่งเข่างอตั้งฉากกับพื้น 90 องศา

B.ลดระดับสะโพกลงซึ่งจะทำให้หัวไหล่ลดระดับลงด้วย ท่านี้จะทำให้ต้นแขนเอียงลาดและข้อศอกชี้ไปทางด้านหลัง จากนั้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 1-3 ชุด ชุดละ 8-12 ครั้ง

ท่าวิดพื้น

A.คุกเข่าโดยเหยียดแขนตรงตั้งฉากกับพื้น หัวเข่าอยู่ในแนวเดียวกับสะโพก และเกร็งหน้าท้องไว้

B.ลดระดับหน้าอกลงสู่พื้นโดยให้ข้อศอกแนบลำตัวไว้ตลอดเวลา ค้างไว้ชั่วครู่ จากนั้นกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 1-3 ชุด ชุดละ 8-12 ครั้ง

ลองนำไปปฏิบัติกันดูนะคะ แต่ต้องกระซิบให้ทราบสักนิดว่าถึงจะบริหารให้กระชับยังไง โดยธรรมชาติแล้วกล้ามเนื้อหลังต้นแขนจะแกว่งเล็กน้อยเวลาที่คุณเคลื่อนไหว แขนไปมา จึงไม่ต้องวิตกกังวลนะคะ

วิธีลดน่อง


วิธีลดน่อง

1. วิ่งโหย่งๆ หรือวิ่งด้วยปลายเท้า โดยที่ส้นไม่ต้องสัมผัสพื้น 5 นาที
2. วิ่งยาวๆ ก้าวเท้าขวาไปข้างหน้ายาวๆ ย่อเข่าเล็กน้อย และก้าวเท้าซ้ายออกไปลักษณะเดียวกัน วิ่งแบบนี้ขึ้นเนินทำเซ็ตละ 1 นาที 5 ครั้ง
3. วิ่งยกเข่า วิ่งด้วยปลายเท้าและยกเข่าให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เซ็ตละ 30 วินาที 5 เซ็ต
4. เตะเท้าไปที่ก้น เหมือนการวิ่งเหยาะๆ แต่ให้เตะเท้าไปที่ก้น เซ็ตละ 30 วินาที 5 เซ็ต

วิธีลดต้นขา

ให้นอนหงานราบกับพื้นเเละให้เหยียดขาทั้งสองข้างให้ตรงและตึงและค่อยๆยกขึ้นในกลางอากาศ
นับ 15-30 ทำประมาณ 3ครั้ง จากนั้น ให้ลองมาปั่นจักรยานกลางอากาศประมาณ 200 ครั้ง
รับรองได้เลยว่าต้นขาลดลงแน่ แต่ต้องทำเป็นประจำทุกวันนะเพื่อให้เห็นผลเร็วขึ้น

กระชับบั้นท้าย

ยืนแยกขาห่างเท่าความกว้างของช่วงสะโพก นิ้วเท้าชี้ไปข้างหน้า วางมือไว้ที่สะโพก
1. ขณะหายใจออก ค่อยๆงอเข่าให้มากที่สุด แต่อย่าต่ำเกิน 90 องศา ส่วนต้นขาขนานกับพื้น เหยียดแขนไปข้างหน้า
2. คุณควรทิ้งน้ำหนักลงที่ส้นเท้า และก็สามารถขยับนิ้วเท้าได้สะดวก แขม่วพุง หย่อนก้นลงหลังจะได้ไม่ตึง ค้างไว้ 30 วินาที ขณะหายใจออก แล้วดันตัวขึ้นสู่ท่าเริ่มตอนหายใจเข้า จากนั้นก็พักทำวันละห้าครั้ง แล้วจะเห็นผลภายในหนึ่งเดือน

ขาอ่อนเรียว

เตรียมตัวให้ดีสำหรับท่านี้ ซึ่งจะออกกำลังขาอ่อนด้านในและนอกสุดๆ
วิธี ทำ ยืนตรงแยกขา มือเท้าสะเอว ย่อเข่าขวาลงแล้วก้าวเท้าออกมาข้างหน้ากระทั่งขาอ่อนขวาขนานกับพื้น อย่าให้เข่ายื่นเลยข้อเท้าขวา ค่อยๆรั้งเท้าซ้ายกลับกดแนบพื้นเพื่อสร้างแรงต้านกระทั่งเท้ามาคู่กันและ กลับสู่ท่าเดิม ทำซ้ำกับขาซ้าย ทำข้างละ 15-20 ครั้ง

วิธีมัดใจแฟน



1.ดูแลตัวเองตลอดเวลา
ตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้ชายส่วนใหญ่อยากอยู่กับผู้หญิงที่ดูดี เพราะมันทำให้เค้ากระชุ่มกระชวยตลอดเวลา อย่างน้อยมันก็ทำให้ลดโอกาสที่เค้าจะมองผู้หญิงอื่นได้มากขึ้นเยอะเลย

2.ขี้อ้อน
ความขี้อ้อนเป็นเสน่ห์ของผู้หญิงมากๆแต่ควรรู้จักอ้อนให้พอดีและถูกกาลเทศะ

3.เอาใจเก่ง
แต่ไม่ใช่ว่าเอาใจเกินเหตุนะครับ หมายถึง ตลอดเวลาที่คบกัน จะรู้ว่าแฟนเรา
ชอบทำอะไร ชอบกินอะไร ประทับใจอะไร ควรจะมีสมุดไดอารี่ จดไว้บ้าง

4.ดูแลเทคแคร์เป็นอย่างดี
เช่น เวลาตากพัดลมก็เตือนเค้าว่าเดี๋ยวไม่สบาย ,อย่านอนดึกนะเดี๊ยวทำงานไม่ไหว หรือเวลาเค้าไม่สบายก็ดูแลเค้าเป็นอย่างดี, ดูแลเรื่องการแต่งตัว, การกินฯลฯ ทุกสิ่งที่ทำไปยิ่งทำให้เค้าไม่อยากที่จะไปจากคุณเลย

5.ซื้อของเซอร์ไพส์ให้บ้างบางโอกาส
ที่น่าสนใจก็มีนาฬิกา , เสื้อผ้า ,กางเกงยีนส์ เป็นต้น แต่ก็ต้องเลือกไซด์ให้พอ
ดีกับเค้าใช้ด้วยนะคุณจะเห็นรอยยิ้มแบบเขินๆอย่างผู้ชายแต่ก็อย่าเซอร์ไพรส์บ่อยละกัน

6.เป็นผู้หญิงทำงาน
เป็น เสน่ห์อย่างหนึ่งของผู้หญิงในยุคนี้ ผู้หญิงที่ไม่ทำอะไรเลย ทำให้ผู้ชายรู้สึกไม่มั่นใจในอนาคตของชีวิตคู่ แต่แฟนเราก็ต้องทำงานเหมือนกันนะ คือไม่
ใช่ฝ่ายใดเกาะอีกฝ่ายหนึ่งกิน

7.คุยกับผู้ชายคนอื่นบ้าง
ไม่ใช่หมายความว่าคบหลายคนนะ แต่หมายถึงคุยกันแบบเพื่อนมากกว่า
เหมือนเป็นการให้รู้ด้วยว่า ฉันไม่ใช่ของตายแน่นอน และคนที่พร้อมจะต่อคิวก็
ยังมี ผู้ชายที่ไม่ให้แฟนคุยกะคนอื่นเลย ถือเป็นคนใจแคบมาก

8.หยิ่งในศักดิ์ศรี
ผู้หญิงบางคนยอมให้ผู้ชายข่มอยู่ตลอดเวลาบางครั้งเวลาทะเลาะกันหรือโดน
ทำร้ายเราไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายง้อหรือขอโทษ แต่ควรจะตอบโต้อะไรที่มัน
ทำให้เค้ารู้ว่า ไม่มีเธอฉันก็หาใหม่ได้นะ มันจะทำให้ ผู้ชายรู้สึกว่าเค้าไม่มีค่า
และความเย่อหยิ่งในตัวเค้าจะลดลง

9.ไม่ยอมเสียตัวให้ก่อนเวลาอันสมควร
ข้อนี้สำคัญมากครับ อะไรๆที่ได้มาง่ายๆ มันมักจะจบลงง่ายๆ ผู้ชายบางคน
เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ถ้าเค้าทนไม่ไหวหรือไม่มีความอดทนมากพอ ก็
ปล่อยเค้าให้ไปหาผู้หญิงที่ให้ง่ายๆแล้วกัน

10.ไม่มองชายอื่น
ถือเป็นการให้เกียรติแฟนเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาเจอคนที่หล่อดูดี
มากๆ แต่เราก็ไม่เคยที่จะมองเลย

11.คำว่า"รัก"ไม่ใช่สิ่งที่พูดง่าย
ยิ่งพูดคำว่า “รัก” มากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้แฟนเราได้ใจ แต่กลับกันเมื่อใดที่ยังไม่
ได้พูดคำว่า “รัก” ออกไป ผู้ชายย่อมรู้สึกว่า ยังเล่นเกมส์ไม่ชนะ

12.ให้อภัยเสมอเมื่อผิดครั้งแรก
การให้อภัยเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตคู่ เมื่อใดที่ทำผิดครั้งแรก เราควรให้อภัย
เค้า แต่ถ้าผิดเรื่องเดิมในครั้งต่อๆไป อันนี้ก็แล้วแต่คุณจะตัดสินใจละกัน

วิะ๊ทำให้ผิวขาว




27 วิธีทำให้ผิวขาว บอกลาผิวหม่นหมองกันเลย.
1. การขัดผิว (Exfoliating) หมายถึง การขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปจากผิวหน้า เป็น วิธีทําให้ผิวขาว โดยธรรมชาติ รากศัพท์ของมันมาจากคำว่า "foliage" ซึ่งแปลว่าใบพืช เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า อิพิเดอร์มิส (Epidermis) หรือผิวชั้นนอกเกิดขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการสร้างจนมาเติบโตเต็มที่อยู่ชั้นบน สุดของผิวหนัง โดยเซลล์ที่อยู่ล่างสุดของชั้นนี้ที่เรียกว่า เซลล์แรกเริ่ม (Basal Cells) จะสร้างเซลล์ลูกซึ่งจะเคลื่อนตัวขึ้นไปจนกลายเป็นผิวชั้นนอก เซลล์เหล่านี้มีหน้าที่เป็นตัวกั้นระหว่างร่างกายเรากับสิ่งแวดล้อมภายนอก ทั้งยังช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นภายในและป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่จะเข้าสู่ ผิว หลังจากเซลล์ใหม่ที่แข็งแรงกว่า อยู่ประจำที่บนชั้นผิวหนังแล้ว เซลล์ผิวเก่าก็จะหลุดลอกออกโดยธรรมชาติ หากยังตกค้างอยู่บนผิวก็จะทำให้ผิวดูไม่มีชีวิตชีวา และดูเป็นสะเก็ด การขัดหน้าจึงเป็น วิธีทําให้ผิวขาว อีกทางเลือกหนึ่งในการกำจัดเซลล์เก่า ที่บดบังความสดใสนั่นเอง

2. ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการขัดผิว ก็ได้แก่ ฟองน้ำขัดรูปแบบต่างๆ เช่น ใยบวบ หรือครีม เช่น เอเอชเอ แม้กระทั่งผ้าเช็ดตัวก็สามารถใช้ขัดผิวได้ การขัดผิวอย่างนุ่มนวลจะช่วยให้ผิวของคุณดูชุ่มชื่นและใสกระจ่าง

3. ควรหลีกเลี่ยงการขัดผิวด้วยวิธีรุนแรง และ หากขัดมากเกินไป ก็อาจรบกวนหน้าที่ในการสกัดกั้นสิ่งแปลกปลอมของผิว รวมถึงทำให้ผิวอ่อนไหวมากขึ้นจนเกิดความแห้งกร้าน ไหม้แดด หรือปัญหาอื่นๆ ได้ง่าย

4. ถ้าไม่กำจัดออกไป ผิวจะเกิดการอุดตันและหายใจไม่ได้ ผลก็คือ ผิวจะหม่นหมอง ดูแล้วมีความมัน หรือบางทีอาจทำให้เกิดสิวอุดตัน รวมทั้งทำให้กระบวนการไหลเวียนของโลหิตใต้ผิวไม่ดี ทำให้ของเสียเกิดการสะสมตัว

5. ถ้าต้องการขัดผิวหน้า ก็ควรทำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง และขัดผิวกายเดือนละ 1-2 ครั้ง แต่ถ้าใครมีเซลลูไลท์ แนะนำให้ขัดผิวบริเวณส่วนนั้นทุกวัน โดยใช้ถุงมือผ้าที่ใช้สำหรับอาบน้ำนวดขัด เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และกำจัดของเสียออกทางระบบน้ำเหลือง

6. วิธีการขัดผิวที่ถูกต้อง ซึ่ง เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ใสขึ้น สิ่งที่ต้องมีคือ ฟองน้ำสำหรับขัดผิวกาย ถุงมือผ้า อาบน้ำหรือใยบวบ และผลิตภัณฑ์ขัดผิว เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว ถ้าไม่แน่ใจลองปรึกษาคนขาย

7. เริ่มต้นที่ทำผิวเปียก นำผลิตภัณฑ์ขัดผิวเทใส่ใยบวบ ฟองน้ำ หรือถุงมือ แล้วทาลงบนผิวเบาๆ นวดผลิตภัณฑ์บนผิวด้วยการวนมือเป็นลักษณะวงกลมเบาๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบไหลเวียน ใช้น้ำล้างออกให้สะอาด ซับให้แห้ง แล้วทาครีมบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื้นในขณะที่ผิวยังชื้น

8. ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวควรเลือกที่เป็นครีมหรือเจล เนื้อครีมควรมีลักษณะเป็น เม็ดกลม เพื่อปกป้องผิวจากการระคายเคือง หรือเป็นแผลถลอก ขณะที่ขัดนวดผิวบริเวณนั้นควรมีความชื้นพอหมาด แล้วล้างออกด้วยน้ำมากๆ

9. ใยบวบ หรือใยขัดธรรมชาติ เป็นอุปกรณ์ขัดผิวที่มีประสิทธิภาพมาก แต่ถ้าออกแรงขัดมากเกินไป อาจทำให้แสบผิวได้ เพราะใยเหล่านี้มีลักษณะสาก และหยาบ เวลาขัด จึงควรขัดเบาๆ ไปทั่วร่างกายขณะอาบน้ำ และเมื่อใช้เสร็จแล้วควรล้างทำความสะอาดและผึ่งให้แห้ง

10. การใช้ผ้าสำหรับถูตัว หรือฟองน้ำถูตัวเวลาอาบน้ำ ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งของการขัดผิว และ วิธีทําให้ผิวขาว โดยใช้ร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้

11. เลียนแบบจากสปาชั้นนำ โดยการใส่น้ำให้เต็มอ่าง เติมเกลือเม็ดลงไป และเวลาที่ลงไปแช่ตัวอยู่ในอ่างให้ใช้เกลือ 1 กำมือ ขัดไปมาเบาๆ ให้ทั่วตัว และล้างตัวด้วยน้ำสะอาด

12. แปรงแปรงผิวสามารถใช้ได้ดี โดยขัดเบาๆ บนผิวที่แห้งก่อนอาบน้ำ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดไป หรือจะใช้ในขณะอาบน้ำร่วมกับสบู่ หรือเจลอาบน้ำก็ได้

13. การปรนนิบัติผิวให้นุ่มนวลขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น ควรเริ่มด้วยการใช้น้ำมันนวดผิวก่อนอาบน้ำ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนของการขัดผิว เพื่อช่วยปรนนิบัติ ผิวสะอาดหมดจด สวยเนียนสดใสไปอีกนานๆ

14. เราสามารถทำครีมขัดผิวใช้เอง โดยการใช้เกลือเม็ดเล็กๆ ผสมกับน้ำมันทาผิว (Baby Oil) หรือน้ำมันมะกอกทาทั่วตัวทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที นวดให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

15. สครับสำเร็จรูปมักมีลักษณะคล้ายๆ กัน คือมีบีด (bead) ซึ่งอาจทำจากเกลือ, น้ำตาล, อัลมอนด์ ฯลฯ ช่วยในการขัดผิว มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นมีกลิ่นหอม อีกทั้งมีส่วนประกอบในการบำรุงผิวอีกหลายชนิด

16. เราสามารถทำสครับใช้เองง่ายๆ ด้วย การใช้ผักผลไม้ชนิดที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ในตัวเดียว คือมีผิวสัมผัสที่ให้ความหยาบเล็กน้อย แต่ต้องไม่ถึงกับให้ผิวระคายเคือง มีน้ำช่วยหล่อลื่นและมีวิตามินตรงกับความต้องการ

17. มะขามเปียก, สับปะรด มีเส้นใยช่วยขจัดขี้ไคล มีความเป็นกรด ช่วยทำความสะอาดผิว เป็น วิธีทําให้ผิวขาว ใส มีวิตามินซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์สูง มะละกอมีเอนไซม์อ่อนๆ ช่วยขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว วิตามินสูง แต่เนื้อมีความละเอียดมาก มะนาวเป็นกรด เหมาะใช้กับผิวส่วนที่หยาบกร้าน เช่น ข้อศอก, ส้นเท้านุ่มขึ้น แตงกวาช่วยให้ผิวสดชื่น มะพร้าวขูดมีน้ำมันช่วยบำรุงผิว แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งมากต้องระวัง ลองใช้ส้มเช้งมีคุณสมบัติ คล้ายสองชนิดแรก แต่ไม่เป็นกรดมาก

18. ถ้าคุณเลือกส่วนผสมหลักที่มีความพร้อมในตัวเดียว เช่น มะขามเปียกก็สามารถนำมาสครับได้เลย แต่ถ้าเลือกมะละกอก็ควรหาสิ่งที่เป็นบีดเพิ่มเข้าไปด้วย เพราะบีดช่วยเพิ่มความสากในสครับ ทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ง่ายขึ้น

19. เพื่อความปลอดภัยควรเลือกสิ่งที่อยู่ในครัวเรือนและมีโอกาสแพ้น้อยที่สุด เช่นเกลือมีฤทธิ์ช่วยสมานผิว, ข้าวสารบดละเอียดช่วยให้ผิวขาว, น้ำตาลทรายมีทั้งความสากและความหนืดอยู่ในตัวเอง, งาเนื้อไม่หยาบเกินไป มีน้ำมันอยู่ในตัวช่วยลดความระคายเคือง และกาแฟกระตุ้นให้ร่างกายขับสารพิษ สิ่งที่ควรระวังคือบีดบางชนิดมีเหลี่ยมคม จึงต้องนำมาบดให้ละเอียดก่อนนอกจากนั้นอาจเพิ่มน้ำมันลงไปเพื่อช่วยลดการ เสียดสี

20. ถ้าคุณมีผิวมัน ใช้มะขามเปียกหรือสับปะรดซึ่งมีความเป็นกรดช่วยขจัดความมันผสมกับเกลือ มีฤทธิ์ช่วยสมานผิว เติมโยเกิร์ตช่วยบำรุงผิวก็ได้

21. ถ้าคุณมีผิวแห้ง ใช้ส้มเช้งเป็นส่วนผสมหลัก...ปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นแว่นพอจับถนัดมือ ใส่งาขาวเป็นตัวช่วยขัด เพิ่มน้ำมันมะกอกเล็กน้อยลดความระคายเคือง

22. ถ้าคุณมีผิวแพ้ง่า ใช้แค่งาขาว, งาดำผสมน้ำผึ้งหรือโยเกิร์ตก็พอ

23. การใช้น้ำมัน จุดประสงค์สำคัญคือช่วยหล่อลื่น และเป็นตัวช่วยลดความเข้มข้นของกรดสำหรับคนผิวแห้งเช่น ถ้าคุณต้องการใช้สับปะรดขัดผิว แต่เกรงว่าผิวจะแห้ง เกินไป การเพิ่มส่วนผสมน้ำมันก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากช่วยให้ลื่นแล้ว น้ำมันยังช่วยเคลือบผิวไม่ให้มีการสูญเสียน้ำมากเกินไป

24. การเพิ่มนม, โยเกิร์ต, น้ำผึ้ง หรืออื่นๆ ที่ช่วยบำรุงผิว เป็น วิธี ทําให้ผิวขาว ที่สามารถทำได้ แต่ต้องดูไม่ให้สครับข้นหรือเหลวเกินไป ลักษณะของสครับที่ดีควรมีความหนืดเล็กน้อย จับตัว อยู่บนผิวได้ และสะดวกแก่การขัด

25. ใครที่ชอบความหอมรื่นรมย์ สามารถเสริมกลิ่นด้วยการหยดน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 2-3 หยด ซึ่งต้องเป็นน้ำมันหอมระเหยสำหรับนวดตัว ซึ่งมักผสมที่ความเข้มข้นประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่สำหรับใส่เตาเผาน้ำมันเพราะน้ำมันหอมระเหย เข้มข้นจะทำให้ผิวไหม้

26. คนที่มีโรคเกี่ยวกับต่อมน้ำเหลือง เช่น ต่อมน้ำเหลืองอักเสบรุนแรง, ต่อมน้ำเหลือง-โต, มีแผลเป็นหนอง หรือแม้แต่เป็นสิวอักเสบ ควรงดการสครับชั่วคราวจนกว่าจะหายเพราะการขัดเป็นการกระตุ้นให้อักเสบมาก ขึ้น

27. ถ้าจะสครับหน้าต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนที่สุด ขัดอย่างเบามือเพื่อกระตุ้นน้อยๆ เน้นไปที่ร่องจมูก เลี่ยงจุดที่บอบบางมากๆ เช่น รอบดวงตา

ลองทำตาม วิธีทําให้ผิวขาว แบบธรรมชาติๆ ตามที่แนะนำกันไปดูนะคะ รับรองว่าผิวคุณจะกระจ่างใส แบบปลอดภัยและเห็นผลค่ะ


วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ชีวิตมีความท้าทายรออยู่สำหรับ ลีโล่ (ให้เสียงพากย์โดย ดาวีห์ เชส) เด็กหญิงเหงาๆ ชาวฮาวาย ที่ใช้ชีวิตอยู่กับพี่สาววัย 19 ชื่อ นานี่ (ให้เสียงพากย์โดย เทีย คาร์เรเร่) สาวน้อยทั้งสองดิ้นรนต่อสู้เลี้ยงดูตนเองแต่อะไรๆ ไม่ได้ดำเนินไปอย่างสวยงามนัก เมื่อ คอบร้า บับเบิลส์ (ให้เสียงพากย์โดย วิง เรมส์) นักสังคมสงเคราะห์จอมเครียดแวะมาเยี่ยม เขาก็พบสองสาวพี่น้องกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง เขาจึงเตือนนานี่ว่า เธอมีเวลาเหลืออีกแค่ 3 วันเท่านั้น ในอันที่จะพิสูจน์ตัวเองว่า เหมาะสมแก่การทำหน้าที่ดูแลลีโล่ได้ หาไม่แล้วสถานการณ์ในบ้านหลังนี้ จะต้องเปลี่ยนแปลงแน่นอน และแล้วในเย็นวันนั้น ลีโล่ก็เห็นดาวตกผ่านหน้าต่างห้องนอน เธอจึงอธิษฐานขอ "ใครซักคนก็ได้มาเป็นเพื่อน ใครซักคนที่จะไม่วิ่งหนีหนูไป" ก่อนเสริมด้วยว่า "ท่านส่งเทวดามาให้หนูก็ได้ เทวดาที่น่ารักที่สุดที่ท่านมีอยู่น่ะค่ะ"

แต่ในความจริง ดาวตกดวงนั้นคือยานอวกาศของ สติทช์ สิ่งมีชีวิตประหลาด (ที่รู้จักกันในชื่อ "การทดลอง 626") ซึ่งเพิ่งหนีมาจากดาวทูโร่ นักวิทยาศาสตร์ชื่อ จัมบ้า (ให้เสียงพากย์โดย เดวิด อ็อกเดน สเทียร์ส) ผู้สร้างมันขึ้นมาพูดถึงสติทช์ว่า เป็นอะไรที่ "กันกระสุน กันไฟ และคิดได้เร็วยิ่งกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ซะอีก มันมองเห็นได้ในความมืด และยกวัตถุอะไรๆ ที่ใหญ่โตกว่าตัวมันถึง 3 พันเท่าได้ สัญชาตญาณอย่างเดียวของมันก็คือ.. ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสัมผัส" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ไม่น่าประทับใจเอาเสียเลย ในสายตาของสมาชิกสภาหญิง (ให้เสียงพากย์โดย โซ คาลด์เวลล์) แห่งสหพันธ์กาแล็กติค เธอจึงจับจัมบ้าเข้าคุก และพิพากษาให้ส่งตัวสติทช์ ไปยังดาวเคราะห์น้อยไกลลิบ แต่ก่อนที่กัปตันแกนทู จะลงมือกำจัดสติทช์ตามคำสั่ง มันก็ขโมยยานของตำรวจ และบังคับให้พุ่งด้วยความเร็วสูง หนีมายังโลกได้ทันเวลา สมาชิกสภาไม่มีทางเลือกอื่นอีก จึงต้องเสนอว่า จะปล่อยตัวจัมบ้าเป็นอิสระ หากเขาตามจับสติทช์กลับมาได้ และเพื่อจะคอยควบคุมปฏิบัติการของจัมบ้าไว้ ไม่ให้คลาดสายตา เธอจึงส่ง พลีคลี่ย์ (ให้เสียงพากย์โดย เควิน แม็คดอนัลด์) เอเลี่ยนผู้สนใจศึกษาโลกมนุษย์เป็นพิเศษ และมีสามขากับตาหนึ่งข้างให้ติดตามมาด้วย (โดยความรู้ทั้งมวลที่พลีคลี่ย์มีเกี่ยวกับโลกนั้น ได้มาจากการดูภาพใน View-master® ล้วนๆ )

ฝ่ายสติทช์นั้นบังคับยานมาถึงโลก และเคราะห์ร้ายดิ่งเข้าใส่รถบรรทุกน้ำตาลทรายเต็มเปา เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พบว่า ตัวเองอยู่ในบ้านดูแลสัตว์หลังหนึ่ง และฉายแววเสน่ห์น่ารักเข้าตา จนลีโล่เก็บมันไปเลี้ยง (พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า สติทช์) ทักษะสุดล้ำหน้า ทำให้มันสามารถเก็บซ่อนแขนขาพิเศษ (จาก 6 เหลือ 4 ข้าง), เสาอากาศและเดือยบนหลังได้ เพื่อให้ตัวเองดูเหมือนหมาหน้าตาพิลึกๆ ตัวหนึ่ง แม้พี่สาวของลีโล่ และลูกจ้างบ้านดูแลสัตว์จะผวาหน้าตาของมัน แต่ลีโล่กลับหลงรักสติทช์ และยืนกรานจะนำกลับไปเลี้ยงที่บ้านให้ได้ ขณะที่สติทช์เองก็รู้ว่า ลีโล่กับนานี่มีที่คุ้มภัย ให้มันรอดจากเงื้อมมือชองจัมบ้ากับพลีคลี่ย์ได้ มันจึงยินดีที่จะถูกรับตัวไปเลี้ยง และทำตัว "ติดหนึบ" กับครอบครัวใหม่ของมันทันที

แต่ชีวิตใหม่ก็ไม่ได้ราบรื่นเอาซะเลย สติทช์เริ่มสำแดงพฤติกรรมร้ายๆ และสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายไม่หยุดหย่อน จนแทบจะเรียกได้ว่า เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักน้อยที่สุดแล้วบนโลกใบนี้ เมื่อลีโล่พามันไปร้านอาหารที่นานี่ทำงานอยู่ สติทช์ก็สร้างความพินาศจนนานี่ถูกไล่ออกจากงาน แต่ถึงอย่างนั้นลีโล่ก็ยังปกป้องมัน และกระตุ้นให้มันทำตัวเป็นประชากรตัวอย่าง เหมือนฮีโร่ของเธอคือ เอลวิส เพรสลี่ย์ ด้วย เดวิด คาเวน่า (ให้เสียงพากย์โดย เจสัน สก็อตต์ ลี) แฟนเก่า และเพื่อนร่วมงานของนานี่ พยายามช่วยให้ทุกคนอารมณ์ดีขึ้น ด้วยการชวนไปเล่นโต้คลื่นในตอนบ่าย ซึ่งสติทช์ก็สามารถเอาชนะ อาการเกลียดการเล่นเซิร์ฟของมันได้สำเร็จ แถมยังติดอกติดใจไม่ยอมเลิก จนเมื่อจัมบ้ากับพลีคลี่ย์มาพบเข้า ทั้งคู่ก็ดึงมันให้จมลงใต้น้ำ แต่เดวิดเข้ามาช่วยชีวิตไว้ได้ทันเวลา

คอบร้า บับเบิลส์ เห็นภาพความวุ่นวายบนชายหาดเข้าเต็มตา จึงบอกกับนานี่ว่า เขาไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว นอกจากแยกตัวลีโล่ไปซะ สติทช์จึงรู้ตัวเดี๋ยวนั้นเองว่า มันกำลังทำลายครอบครัวน้อยๆ นี้ ขณะที่ความปรารถนาโอฮาน่า ('ohana - ศัพท์ฮาวายเอี้ยน หมายถึงแนวคิดเรื่องครอบครัว ที่จะไม่มีการทอดทิ้ง หรือหลงลืมใครไว้ตามลำพัง) ของลีโล่ก็จางลงอย่างรวดเร็ว และเมื่อสมาชิกสภาหญิง ไล่จัมบ้ากับพลีคลี่ย์ออก เพราะปฏิบัติการล้มเหลว ทั้งคู่ก็ตัดสินใจลงมือครั้งสุดท้าย ด้วยการไล่ตามสติทช์ ไปถึงบ้านของลีโล่กับนานี่ แล้วพังบ้านนั้นทิ้ง แต่ก็ยังจับตัวสติทช์ไม่สำเร็จอยู่นั่นเอง

ในช่วงเวลาที่อะไรๆ เลวร้ายถึงขีดสุด กัปตันแกนทู (ให้เสียงพากย์โดย เควิน ไมเคิล ริชาร์ดสัน) ก็เดินทางมา พร้อมยานลำยักษ์ เพื่อจับตัวสติทช์ มันหนีไปได้ แต่ลีโล่กลับถูกจับแทน สติทช์ซึ่งตระหนักในที่สุดว่า มันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวลีโล่กับนานี่ จึงเกลี้ยกล่อมจัมบ้ากับพลีคลี่ย์ ให้ร่วมแรงกันช่วยลีโล่ออกมา การไล่ล่าอันดุเดือดทั่วเกาะฮาวายจึงเกิดขึ้น และสติทช์สามารถช่วยลีโล่ออกมาได้สำเร็จ ร้อนถึงสมาชิกสภาหญิง ต้องตัดสินใจออกมาเป็นผู้ควบคุมตัวสติทช์เอง และเกมนี้ดูเหมือนจะจบสิ้นลงในที่สุด แต่.. กฎของเกมก็ไม่ได้ดำเนินไปอย่างที่ใครๆ คาดคิด!


--------------------------------------------------------------------------------

ปัญหาและอารมณ์ขันมีอยู่เหลือล้นในสวรรค์! เมื่อเด็กหญิงขี้เหงาชาวฮาวายชื่อ ลีโล่ อธิษฐานกับดวงดาวขอใครซักคนมาเป็นเพื่อน แล้วเอเลี่ยนจอมซนมหากาฬแห่งจักรวาล ตอบรับคำขอของเธอใน Lilo & Stitch แอนิเมชั่นขบขันสดใส เรื่องใหม่ล่าสุดจาก วอลท์ ดิสนีย์ พิคเจอร์ส เรื่องนี้ ที่ซึ่งผสมผสานตัวละครอันน่าจดจำ, เรื่องราวที่เปี่ยมด้วยจินตนาการ กับอารมณ์ขันพิลึกกึกกือ และงานภาพสวยงามเจิดจ้า (เพราะนี่เป็นหนังเรื่องแรกในรอบ 6 ทศวรรษของทางสตูดิโอที่ใช้สีน้ำ!!!)

หนังเล่าเรื่องราวของหนูน้อยลีโล่ ที่ได้เผชิญหน้าระยะกระชั้น กับเอเลี่ยนทดลองสุดซ่าชื่อ "สติทช์" ซึ่งหนีมาจากดาวแห่งเอเลี่ยน แล้วหล่นลงบนพื้นโลก รูปร่างเล็กจ้อยหน้าตาละม้าย "หมา" ของสติทช์ ทำให้ลีโล่เก็บมันไปเลี้ยงด้วยความรัก ความจริงใจ และความเชื่ออันมั่นคงต่อเรื่อง "โอฮาน่า" ('ohana - ศัพท์ฮาวายหมายถึงครอบครัว) จนสามารถเปิดหัวใจของสติทช์ได้สำเร็จ และมอบสิ่งหนึ่ง ที่มันไม่เคยคาดฝันว่าจะมี นั่นคือ ครอบครัว

ด้วยภาพบ้านเมืองเขตร้อนเขียวชุ่มฉ่ำ, อารมณ์ขันไม่ธรรมดา และเพลงคลาสสิคของ เอลวิส เพรสลี่ย์ ทำให้ Lilo & Stitch เป็นหนังที่จะพาคนดูเข้าสู่การเดินทางอันแสนรื่นรมย์ผ่านห้วงจักรวาลแอนิเมชั่น โดยงานชิ้นนี้นับเป็นหนังเรื่องที่ 2 ที่สร้างกันที่แผนกภาพยนตร์แอนิเมชั่นในฟลอริด้า (Florida Feature Animation) ของดิสนีย์ ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็นสถานที่สร้างผลงานเรื่องดังปี 1998 อย่าง Mulan มาแล้ว

องค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมความโดดเด่นและความสนุกสนานให้แก่ Lilo & Stitch ก็คือซาวด์แทร็คสุดโจ๋ของ "ราชา" เอลวิส เพรสลี่ย์ ซึ่งเป็นผู้ขับร้องเพลงยอดฮิตทั้ง 6 เพลงที่ปรากฏในหนังเรื่องนี้ รวมถึงเวอร์ชั่นใหม่สุดเร้าใจของอีก 2 เพลงดังของเอลวิสคือ Burning Love ซึ่งขับขานโดยนักร้องคันทรี่ ระดับชิงรางวัลแกรมมี่อย่าง วินอนน่า (Wynonna) และ Can't Help Falling in Love ในช่วงเครดิตท้ายเรื่อง ขับร้องโดย A*Teens วงดนตรีพ็อพสุดดังของสวีเดน กับยังได้คอมโพสเซอร์ชื่อก้องอย่าง อลัน ซิลเวสทรี (เข้าชิงออสการ์จาก Forrest Gump) มาเพิ่มสีสันและความแฟนตาซี ให้แก่เรื่องราวเมามันยากจะคาดเดาของหนังเรื่องนี้ ด้วยดนตรีประกอบของเขา ร่วมกับนักดนตรีฮาวายมือฉมัง มาร์ค คีลี โฮโอมาลู (Mark Keali'i Ho'omalu) ในเพลงฮาวายเอี้ยนอีก 2 เพลง ซึ่งแสดงโดยสมาชิกวงคอรัสจาก Kamehameha School Children's Chorus

Lilo & Stitch เป็นหนังเรื่องที่สอง ที่สร้างกันในแผนกแอนิเมชั่นที่ฟลอริด้าของดิสนีย์ โดยทุกส่วนของงานสร้าง (ยกเว้นการวาดดิจิตอลที่ใช้ระบบ CAPS ซึ่งเคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้ว) เป็นหน้าที่รับผิดชอบของศิลปิน, แอนิเมเตอร์ และช่างเทคนิค 300 ชีวิตที่แผนกภาพยนตร์แอนิเมชั่นในฟลอริด้านี้

ผู้รับหน้าที่ดูแล Lilo & Stitch ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงงานสร้างก็คือ ทีมผู้กำกับ/เขียนบท คริส แซนเดอร์ส กับ ดีน เดบลัวส์ โดยแซนเดอร์สเป็นมือเก๋าผู้เก่งกาจ ที่ทำงานกับแผนกภาพยนตร์แอนิเมชั่น ของดิสนีย์มาตั้งแต่ปี 1987 และเคยทำสตอรี่บอร์ดฉากสำคัญๆ ใน Beauty and the Beast, เป็นโปรดัคชั่นดีไซเนอร์ให้ The Lion King และเป็นหัวหน้าทีมคิดเรื่องของ Mulan มาแล้ว ก่อนจะรับหน้าที่สร้างไอเดียของหนังเรื่องนี้ ส่วนเดอบลัวส์ ซึ่งเคยร่วมงานกับแซนเดอร์ส ในตำแหน่งหัวหน้าร่วมของฝ่ายเรื่องราวใน Mulan ก็สานต่อไอเดีย และนำความสามารถด้านการวางโครงร่างภาพ มาใช้กับโปรเจ็คต์นี้ ทั้งคู่เลือกทำบทให้เป็นสตอรี่บอร์ดด้วยตนเอง แทนที่จะใช้วิธีส่งต่อ ให้เป็นหน้าที่ของแผนกเรื่องราวเหมือนปกติ นั่นทำให้พวกเขาสามารถถ่ายทอดมุมมองของตน ต่อทีมงาน และกำหนดทิศทาง แก่ทีมแอนิเมเตอร์กับทีมสร้างสรรค์ ได้อย่างชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอน

ตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างตกเป็นของ คลาร์ค สเปนเซอร์ ซึ่งทำงานกับดิสนีย์มานาน 12 ปีโดยเริ่มจากงานด้านวางแผนและการเงิน ล่าสุดเป็นรองประธานอาวุโส กับผู้จัดการทั่วไปของวอลท์ ดิสนีย์ฟีเชอร์แอนิเมชั่นฟลอริด้า ลิซ่า พูล รับหน้าที่ผู้ช่วยผู้อำนวยการสร้าง และ เจฟฟ์ ดัตตัน ผู้ประสานงานฝ่ายศิลปะ มาใช้ทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ และการจัดการของเขา ในหน้าที่ดูแลงานสร้าง ให้ได้ผลดีเลิศที่สุดเมื่อปรากฏบนจอ

ผู้รับหน้าที่ถ่ายทอดมุมมองของผู้กำกับ ให้กลายเป็นภาพบนจอก็คือ พอล เฟลิกซ์ โปรดัคชั่นดีไซเนอร์, ริค สลูเตอร์ ผู้กำกับศิลป์ และ บ็อบ สแตนตัน แบ็คกราวด์ซูเปอร์ไวเซอร์ โดยภาพวาดแรกเริ่มของแซนเดอร์ส ให้ไอเดียเกี่ยวกับการใช้สีน้ำ และสลูเตอร์ก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า สไตล์ของสื่อชนิดนี้ เหมาะสมอย่างยิ่ง สำหรับการใช้จับอารมณ์ชุ่มฉ่ำ ตามธรรมชาติของเกาะฮาวาย พวกเขาร่วมกันทดลองสีน้ำ และค้นพบแนวทางใหม่ๆ ในการทำให้วิธีนี้เหมาะกับตัวหนัง สีน้ำเป็นสื่อที่เคยใช้กันเป็นปกติ ในหนังดิสนีย์ยุคแรกๆ อย่าง Snow White and the Seven Dwarfs, Pinocchio, Dumbo และ Bambi แต่ต่อมานักวาดได้เปลี่ยนมาใช้สีผสมน้ำมัน "gouache" (เป็นวิธีวาดสีทึบ) มากกว่า จนกระทั่งทีมแบ็คกราวด์ของ Lilo & Stitch กลับมารื้อฟื้นศิลปะที่ห่างหายไปแล้วนี้อีกครั้ง และนำมาใช้ในวิธีใหม่ที่น่าตื่นเต้น

นอกเหนือจากทีมที่กล่าวมาแล้ว ซูเปอร์ไวเซอร์คนหลักๆ ของหนังยังได้แก่ อาร์เดน ชาน (เลย์เอาต์), โจ กิลแลนด์ (วิชวลเอฟเฟ็คต์ส), เอริค กวากลิโอน (คอมพิวเตอร์แอนิเมชั่น) และ ฟิลลิป บอยด์ กับ คริสทีน ลอว์เรนซ์-ฟินนีย์ ดูแลด้านคลีน-อัพ (Clean-Up) กิลแลนด์กับกวากลิโอน พบวิธีผสมผสานภาพจากเทคโนโลยี CG (computer generated) และเอฟเฟ็คต์เข้ากับภาพวาดสีน้ำ ส่วนทีมดิจิตอลโปรดัคชั่นและเอฟเฟ็คต์ ทำโมเดลและวาดภาพวัตถุต่างๆ เช่น ยานอวกาศ, ปืนรังสี, กระดานโต้คลื่น, ยานแม่ที่จะปรากฏให้เห็นในฉากเปิดเรื่อง นอกจากนั้น ทีมเอฟเฟ็คต์ยังสร้างภาพใต้น้ำที่น่าทึ่ง และพาคนดูไปพบกับภาพ ที่แม้แต่หนังคนแสดงก็ยังทำไม่ได้นั่นคือ ภาพด้านในของคลื่นยักษ์ กับยังมีเอฟเฟ็คต์น่าตื่นตาอีกมากมายในหนัง ไม่ว่าจะเป็นภาพลาวาไหลทะลัก, ระเบิด และภาพยานอวกาศของสติทช์ที่ถูกขโมยไป แล้วพุ่งด้วยความเร็วสูง เข้าสู่อุโมงค์กาลเวลาอย่างรุนแรง

เนื่องจากเรื่องราวเกิดขึ้นที่ฮาวาย ทีมงานจึงใช้เวลาไปศึกษาความงามตามธรรมชาติอันน่าทึ่ง ของเกาะสวรรค์แห่งนี้ แซนเดอร์ส, เดอบลัวส์, สลูเตอร์ ผู้กำกับศิลป์, สแตนตัน แบ็คกราวด์ซูเปอร์ไวเซอร์, แอนเดรียส เดจา แอนิเมเตอร์ และทีมงานอีกหลายคนหอบหิ้วกล้อง, พู่กัน และสมุดสเก็ตช์ แล้วมุ่งหน้าสู่ฮาวายเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อศึกษาทิวทัศน์ที่นั่น โดยใช้เวลาส่วนใหญ่บนเกาะคาวี (Kauai) ซึ่งทีมงานทั้งดำน้ำสน็อกเกิล, สกูบ้า, เล่นเซิร์ฟ และเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ อย่าง Hanalei, Hanapepe, หาดนาปาลี, พรินซ์วิลล์ และหาด Ke'e Beach รวมถึงอุทยานแห่งชาติอีกหลายแห่ง เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับใบไม้, พันธุ์พืช, หินลาวา, ทรายสีส้ม, ท้องทะเลสีเทอร์คอยซ์, ภูเขาสีแดงสด และภาพดวงอาทิตย์ตกอันสวยงาม นอกจากนั้น เดจายังไปดูโรงเรียนชนพื้นเมืองฮาวาย ซึ่งเน้นการศึกษาภาษา และวัฒนธรรมประจำเกาะด้วย


--------------------------------------------------------------------------------

หัวใจสำคัญของเสน่ห์ และอารมณ์ของหนังก็คือ ทีมพากย์ระดับแนวหน้า นำโดย ดาวีห์ เชส (อายุ 11 ขวบ) รับบทเอกเป็นลีโล่ เธอเข้ามาทดสอบบท พร้อมกับเด็กหญิงคนอื่นๆ อีก 100 คน และสามารถอ่านบทได้ ตรงกับจินตนาการของทีมผู้กำกับมาก

น้ำเสียงอบอุ่นหวานหูในบท นานี่ ของ เทีย คาร์เรเร่ นักแสดงสาวเชื้อสายฮาวายตัวจริง ก็สร้างความประทับใจแก่ผู้กำกับ จนคว้าบทพี่สาวจอมวุ่นของลีโล่มาได้สำเร็จ เช่นเดียวกับ วิง เรมส์ ที่ให้เสียงมีอำนาจปนลึกลับแก่บท คอบร้า บับเบิลส์ หนุ่มนักสังคมสงเคราะห์จอมเคร่งเครียด, เดวิด อ็อกเดน สเทียร์ส นักแสดงมากความสามารถ คนโปรดของแอนิเมเตอร์ดิสนีย์ ให้เสียงตัวร้ายอัจฉริยะ จัมบ้า จูกิบ้า, เควิน แม็คดอนัลด์ จาก Kids in the Hall และ That 70s Show พากย์เสียง พลีคลี่ย์ เอเลี่ยนผู้เชี่ยวชาญด้านโลกมนุษย์, เจสัน สก็อตต์ ลี (ซึ่งเคยแสดงเป็นเมาคลี ในหนังของดิสนีย์เรื่อง The Jungle Book) นักแสดงชาวฮาวายอีกคนหนึ่ง ให้เสียง เดวิด คาเวน่า แฟนเก่าและเพื่อนร่วมเล่นโต้คลื่นของนานี่, โซ คาลด์เวลล์ นักแสดงหญิงเจ้าของ 4 รางวัลโทนี่ ให้เสียงสมาชิกสภาหญิง

สำหรับเรื่องเสียงพากย์สติทช์นั้น ผู้กำกับ คริส แซนเดอร์ส บอกว่า "ตอนแรกเราไม่ได้คิดจะให้สติทช์พูดได้ ตอนที่ผมเอาโครงเรื่องไปเสนอนั้น ผมทำเสียงเล็กๆ น่ากลัวๆ ผสมไปด้วย ซึ่งมันก็ดูเข้ากันดีกับภาพวาด เราก็เลยยึดเสียงแบบนี้เอาไว้ และเมื่ออยู่ในช่วงพัฒนาเรื่อง เราก็ตัดสินใจว่าจะให้มันพูดซัก 2-3 หน รวมถึงในท่อนจบของหนังด้วย เราจึงพยายามทำงานหนักในด้านนี้ เพื่อให้ได้การแสดงที่ดูจริงใจมากที่สุด"


--------------------------------------------------------------------------------

เกร็ดภาพยนตร์

ผลงานโดดเด่นอื่นๆ ของนักแสดงสาวน้อยวัย 11 ดาวีห์ เชส ได้แก่ การรับบท ซามาร่า ในหนังเรื่อง Ring ซึ่งรีเมคจากหนังสยองขวัญยอดนิยม ชื่อเดียวกันของญี่ปุ่น กำกับโดย กอร์ เวอร์บินสกี้ และดรีมเวิร์คส์จะนำออกฉายในฤดูใบไม้ร่วง (จะเข้าฉายในไทย ประมาณเดือนมกราคม 2546)

เทีย คาร์เรเร่ เคยร่วมงานแสดงกับ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์, เวสลี่ย์ สไนป์ส และ ไมค์ ไมเออร์ส มาแล้ว จากบทอันน่าจดจำของเธอใน True Lies, Rising Sun และ Wayne's World ทั้ง 2 ภาค

เดวิด อ็อกเดน สเทียร์ส ผู้พากย์เสียง จัมบ้า กลับมาร่วมงานกับ วอลท์ ดิสนีย์ฟีเชอร์แอนิเมชั่น เป็นครั้งที่ 5 หลังจากเคยพากย์เสียงนาฬิกาค็อกส์เวิร์ธใน Beauty and the Beast, ข้าหลวงแร็ตคลิฟฟ์จอมละโมบใน Pocahontas, บาทหลวงใน The Hunchback of Notre Dame และมิสเตอร์ฮารคอร์ตใน Atlantis: The Lost Empire มาแล้ว

อลัน ซิลเวสทรี คอมโพสเซอร์ และผู้แต่งเพลงในหนังเรื่องนี้ เป็นผู้แต่งดนตรีประกอบ ให้กับหนังที่ประสบความสำเร็จล้นหลามหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นไตรภาค Back to the Future, Who Framed Roger Rabbit, Father of the Bride, The Bodyguard, Predator, หนังชนะรางวัลออสการ์เรื่อง Forrest Gump, หนังตลกของ เมล กิบสัน เรื่อง What Women Want, Cast Away หนังดราม่าของ ทอม แฮงค์ส และ The Mummy Returns หนังบล็อคบัสเตอร์ประจำซัมเมอร์ โดยงานใหม่ๆ ของเขาก็เช่น Stuart Little 2 กับหนังตลกของ เจนนิเฟอร์ โลเปซ เรื่อง Chambermaid

ตลอดหนังเรื่องนี้ เราจะได้ยินเสียงของ เอลวิส เพรสลี่ย์ ขับร้องเพลงยอดฮิต 6 เพลงของเขาคือ Heartbreak Hotel, Stuck on You, Blue Hawaii, Suspicious Minds, Devil in Disguise และ Hound Dog ซึ่งเพลงเหล่านี้ ช่วยเติมอารมณ์ขัน, แง่คิดและความบันเทิงให้กับพล็อต ขณะที่ก็ช่วยอธิบายบุคลิกของตัวละครด้วย ซาวด์แทร็คของหนังปี 1961 เรื่อง Blue Hawaii เป็นหนึ่งในผลงาน ที่สร้างความสำเร็จสูงสุดแก่เอลวิส และเคยครองอันดับ 1 บนชาร์ตนานถึง 20 สัปดาห์

วันเสาร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2553

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

คุณสมบัติเพื่อนแท้ ตั้งแต่ ก - ฮ



ก - เ ก็ บ เ ร า ไ ว้ ใ น ใ จ

ข - เ ข้ า ใ จ เ ร า

ค - ค อ ย เ ป็ น กำ ลั ง ใ จ ใ ห้ เ ร า

ง - ง้ อ เ ร า เ มื่ อ รู้ ตั ว ว่ า เ ข า ผิ ด

จ - จั บ มื อ เ ร า เ มื่ อ ต้ อ ง ก า ร กำ ลั ง ใ จ

ฉ - เ ฉ ย กั บ ค ว า ม ใ จ ร้ อ น ข อ ง เ ร า

ช - ช่ ว ย เ ห ลื อ เ ร า

ซ - ซื่ อ สั ต ย์ กั บ เ ร า ญ า ติ ดี กั บ เ ร า เ ส ม อ

ด - เ ดิ น เ คี ย ง ข้ า ง เ ร า

ต - ติ ด ต า ม ข่ า ว ค ร า ว ค ว า ม เ ป็ น ไ ป ข อ ง เ ร า

ถ - ไ ถ่ ถ า ม ทุ ก ข์ สุ ข

ท - ทำ ใ ห้ ชี วิ ต ข อ ง เ ร า เ ป ลี่ ย น ไ ป

ธ - ธั ม ม ะ ธั ม โ ม กั บ เ ร า

น - นั บ ถื อ เ ร า แ ล ะ น่ า รั ก ใ น ส า ย ต า ข อ ง เ ร า

บ - บ อ ก ค ว า ม จ ริ ง แ ก่ เ ร า

ป - ป ล อ บ ใ จ เ มื่ อ เ ร า ท้ อ

ผ - ผ า ย มื อ ต้ อ น รั บ เ ร า เ ส ม อ

ฝ - ฝ า ก ค ว า ม จ ริ ง ใ จ ไ ว้ กั บ เ ร า

พ - เ พิ่ ม พ ลั ง ใ ห้ แ ก่ เ ร า

ฟ - ฟั ง เ ร า เ ส ม อ

ภ - ภู มิ ใ จ ใ น ตั ว เ ร า

ม - ม อ บ สิ่ ง ดี ดี แ ก่ เ ร า

ย - ย ก โ ท ษ ใ ห้ กั บ ข้ อ ผิ ด พ ล า ด ข อ ง เ ร า

ร - รั ก ที่ เ ร า เ ป็ น เ ร า

ล - ล ะ เ อี ย ด อ่ อ น กั บ ค ว า ม รู้ สึ ก ข อ ง เ ร า

ว - ไ ว้ ใ จ เ ร า

ศ - ศึ ก ษ า นิ สั ย ที่ แ ท้ จ ริ ง ข อ ง เ ร า

ส - สั ง เ ก ต ค ว า ม เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ใ น ตั ว เ ร า

ห - เ ห็ น คุ ณ ค่ า ข อ ง เ ร า

อ - อ ธิ บ า ย ใ น สิ่ ง ที่ เ ร า ไ ม่ เ ข้ า ใ จ

ฮ - เ ฮ ฮ า กั บ เ ร า ไ ด้ ทุ ก เ ว ล า

50 นิยามของความรักในเเต่ละอารมณ์ของคนเรา



50 นิยามของความรักในเเต่ละอารมณ์ของคนเรา


1.ความรักคือ โชคอย่างหนึ่งเพราะใช่ว่าทุกคนจะมีได้

2.ความรักเป็นได้ทั้งมือเเละผ้าพันเเผลเวลาเสียใจ

3.ความรักคือ สิ่งเติมเต็มให้ชิวิตไม่รู้สึกขาดอะไรไปอย่างนึง

4.ความรักคือ ความหวัง กำลังใจ เเละศรัทธาในกันเเละกัน

5.ความรัก มีความลับอยู่อย่างหนึ่งว่าไม่ได้รักในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขเเต่มีความสุขใน สิ่งที่เรารักต่างหาก

6.ความรักคือ ศิลปะ ที่คนมีรักเท่านั้นที่จะเข้าใจเเละเห็นคุณค่า

7.ความรักคือ โอกาส ที่เราจะได้พิสูจน์จิตวิญญาณของตัวเอง

8.ความรักคือ สิ่งที่ทำให้คนฉลาดกลายเป็นคน** ทำให้คน**กลายเป็นคนฉลาด 9.ความรัก เมื่อสูญเสียไปเเล้วก็ยังดีกว่าไม่เคยรัก

10.ความรัก มิได้เป็นการก้าวนำหรือก้าวตามเเต่เป็นการก้าวไปพร้อมๆกัน

11.ความรักทำให้คนเราเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์เดิมๆของชีวิต

12.ความรักทำให้จดจำคืนพิเศษคืนเดียวไปตลอดชีวิตเพราะทุกคืนที่ไร้ความรักก็มิอาจเทียบเท่าได้กับคืนนี้เพียงคืนเดียว

13.ความรักคือการยอมเป็นน้ำเย็นในขณะที่อีกฝ่ายร้อนเป็นไฟ

14.ความรักที่มีมาเป็นปีๆก็สามารถพังทลายลงได้เพียงเสี้ยววินาที

15.ความรักจะยาวนานหรือจะเเสนสั้นทุกอย่างขึ้นอยู่กับวิธีที่รัก

16.ความรักกว่าจะพบเจอได้นั้นเเสนยากอย่าให้มันจบสิ้นเพียววันเดียว

17.ความรักสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้ตลอดเวลาเหมือนถ่านไฟเก่าที่กำลังคุโชน

18.ความรักต่อให้บอกกันทุกวันว่ารักก็ไม่มีคำว่ามากเกินไปหรอกเเต่ความเกลียดสิบอกกันครั้งเดียวก็คงไม่อยากได้ยินอีกต่อไป

19.ความรักถ้าไม่รักเเล้วต่อให้พูดมากเท่าใดก็ไม่สามารถรักกันได้

20.ความรักสามารถให้อภัยกันได้เสมอโดยไม่มีเงื่อนไขว่ากี่ครั้ง

21.ความรักรักได้เเต่อย่าหลงเพราะถ้าหลงเวลาเลิกเเล้วจะเจ็บปวด

22.ความรักอยู่เหนือคำทำนายเเละจะไม่มีวันเป็นไปตามคำพยากรณ์ได้

23.ความรักคือสิ่งแปลกใหม่ที่จะทำให้มุมมองของคุณเปลี่ยนไปจากเดิม

24.ความรักทำให้คุณอยู่นิ่งๆเงียบๆได้นานกว่าเดิม

25.ความรักคือสิ่งที่ทำให้เกิดประกายไฟในหัวใจ

26.ความรักคือการเริ่มคิดเป้าหมายเเห่งชีวิต

27.ความรักคือการร่วมฝัน ร่วมปันใจเเละก้าวไปในชีวิต

28.ความรักคือการอยู่เคียงข้างกันเสมอไม่ว่าอีกฝ่ายจะตกต่ำเพียงใด

29.ความรักไม่ว่าจะเป็นเเบบไหนยังไงมันก็ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

30.ความรักเป็นนามธรรมที่มองไม่เห็นเเต่สัมผัสไได้ด้วยหัวใจ

31.ความรักทำให้วันเลวร้ายไม่เป็นวันเลวร้ายที่สุด

32.ความรักทำให้วันที่เเสนเศร้ากลายเป็นวันที่สุขที่สุดได้

33.ความรักเป็นสมบัติล้ำค่าที่ไม่สามารถจะหาได้ง่ายตามท้องถนน

34.ความรักทำให้อะไรดีงามได้เสมอ

35.ความรักที่รีบร้อนมักจะพบกับจุดสิ้นสุดได้รวดเร็วเสมอ

36.ความรักคือสิ่งที่เเม้จะทำความเจ็บปวดให้เเต่ก็ไม่มีใครที่กลัวหรือเกลียดชัง ความรัก

37.ความรักไม่ได้จบลงเเค่การเเต่งงานหรือมีSEXเท่านั้น

38.ความรักคือสิ่งที่คุณจะพบได้เองโดยมิต้องเเสวงหา

39.ความรักคือสิ่งที่ยืนยาวกว่าชีวิตคนคนนึง

40.ความรักส่วนมากมักจะเติบโตมาจากความเป็นเพื่อนเเละมักจะยืนยาวเสมอ

41.ความรักในยามเเรกรักคือช่วงเวลาของรักที่หวานหอมมากที่สุด

42.ความรักครั้งเเรกเเละครั้งสุดท้ายมักจะเป็นรักในตนเอง

43.ความรักทำให้คนกลายเป็นกวี และศิลปิน

44.ความรักไม่ใช่การมองตากันเเต่เป็นการมองไปในทิศทางเดียวกัน

45.ความรักไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ไม่มีคำว่าสายไป

46.ความรักคือสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในชีวิตคุณ

47.ความรักทำให้ทุกอย่างสว่างเเละสดใส

48.ความรักคือการพึงพอใจในสิ่งที่รัก

49.ความรักจะมีคุณค่าได้ต่อเมื่อคนที่รักต้องให้เกียรติ์ซึ้งกันเเละกัน

50.ความรักบางทีก็เป็นสะพานทอดไปสู่การเเต่งงาน

วันจันทร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2553

ประวัติ pooh


ประวัติ pooh

หมีพูห์รู้ดีว่าเขาต้องการอะไรเมื่อ “ท้องเริ่มส่งเสียงร้อง” นั่นคือ น้ำผึ้งไง! อืม... แต่จะทำอย่างไร หากเขาพบเพียงโถเปล่าที่มีน้ำผึ้งเหนียว ๆ ติดอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น “งั้นเราก็ต้องช่วยจัดการให้โถเกลี้ยงเร็ว ๆ หน่ะสิ” เจ้าหมีสมองเล็ก (แต่บางครั้งก็ฉลาดล้ำลึก) วันนี้อาจพยายามหลอกเจ้าผึ้งขี้สงสัยว่าตัวเขาคือเมฆฝนสีดำก้อนใหญ่ หรือถ้าคิดอีกที การแวะไปบ้านกระต่ายเพื่อหาขนมหวานทานดูจะเป็นเรื่องง่ายกว่า (และเจ็บตัวน้อยกว่าด้วย) แต่ไม่ว่าพูห์จะเลือกทำอะไรก็มักจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ แต่ก็นั่นแหล่ะ เขามักจะหาทางออกได้เสมอ เพราะแม้สมองของเขาจะเต็มไปด้วยนุ่น แต่เพื่อนรักของคริสโตเฟอร์ โรบินหรือที่ใคร ๆเรียกว่าเจ้าหมีแก่จอมงี่เง่าตัวนี้มีจิตใจที่งดงาม ..ในชีวิตจริง วินนี่ย์เดอะพูห์ (หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็ดเวิร์ดแบร์ ในช่วงแรกเมื่อเขาปรากฏตัวใน ‘When We Were Very Young’) คือ ของเล่นสุดรักสุดหวงของคริสโตเฟอร์ มิลล์ (ลูกชายของเอ. เอ. มิลล์) ซึ่งได้รับเจ้าหมีน้อยตัวนี้เป็นของขวัญครบรอบหนึ่งขวบของเขาในปี 1921 ปัจจุบัน วินนี่ย์เดอะพูห์ถูกจัดแสดงให้แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องดังกล่าวได้ชมกันที่ Children’s Readi Children’s Reading Room ใน New York Public Library บนถนน West 53rd Street ผู้ให้เสียงสำหรับตัวการ์ตูนตัวนี้ คือ สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังและนักพากย์ที่สตูดิโอดิสนี่ย์

วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553

การดูแลผิวหน้าง่าย ๆ ที่บ้าน


การดูแลผิวหน้าแบบง่าย ๆ ที่บ้าน
เอนไซม์มะละกอผลัดผิว

การใช้เอนไซม์จากมะละกอช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหน้า การพอกมะละกอบดละเอียดบนผิวหน้าในระหว่างอบไอน้ำจะช่วยทำให้หน้าขาว ใส ยิ่งขึ้น การเตรียมก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร นำมะละกอสุกมาบดละเอียด ในขณะที่เตรียมน้ำเดือดเพื่ออบไอน้ำผิวหน้าเมื่อน้ำพร้อมแล้ว ให้ทามะละกอสุกบนใบหน้า โดยหลีกเลี่ยงรอบดวงตา ต่อจากนั้นจึงอังหน้ากับชามอ่างภายใต้ผ้าขนหนูตามวิธีการอบไอน้ำผิวหน้าได้เลย

โทนเนอร์น้ำผลไม้

หลังจากล้างหน้าแล้ว ตามขั้นตอนจะต้องเช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์อีกครั้งเพื่อกระชับรูขุมขน และปรับสภาพ pH ของผิวหน้า หากเบื่อใช้โทนเนอร์ที่มีขายตามท้องตลาด ผักและผลไม้นั้นมีวิตามินและเอนไซม์ซึ่งช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนเสมอกันทั่วใบหน้าและช่วยขัดผิวได้ วิธีการทำก็ไม่ได้ยากเช่นกัน ให้นำผลไม้ที่ชอบ โดยอาจเลือกจากสรรพคุณของผลไม้ นำผลไม้มาประมาณ 50 กรัมต่อครั้ง ล้าง เช็ดให้แห้ง ปอกเปลือก แล้วปั่นด้วยเครื่องปั่นหรือบดให้ละเอียด เติมน้ำกลั่นบริสุทธิ์ลงไปประมาณ 25 มิลลิตร ทิ้งไว้สักครู่หนึ่ง แล้วจึงใช้ผ้าขาวบางกรองแยกกากออกไป เก็บแต่น้ำไว้ใช้ ข้อควรระวังคือ ต้องทำความสะอาดผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำโทนเนอร์น้ำผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นชาม เครื่องปั่น มีด ผ้าขาวบาง หรือแม้กระทั่งมือตัวเองให้สะอาด มิเช่นนั้นโทนเนอร์น้ำผลไม้ที่ได้ แทนที่จะช่วยทำความสะอาดผิวอาจจะทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองเนื่องจากสิ่งสกปรกตกค้างจากภาชนะเหล่านั้น

สรรพคุณของผลไม้แต่ละประเภท

1. ว่านหางจระเข้ บำรุงผิว สำหรับทุกสภาพผิว

2. แตงกวา ปรับสภาพผิว เหมาะสำหรับผิวมัน

3. ฝรั่ง ขัดผิว มีส่วนผสมของกรด AHA

4. ตะไคร้ ทำความสะอาดผิว สำหรับทุกสภาพผิว

5. สับปะรด ขัดผิว มีส่วนผสมของ AHA

6. มะขาม ขัดผิว ช่วยให้ผิวขาว เหมาะสำหรับผิวมัน


ครีมกันแดด



ประโยชน์ของครีมกันแดด

ช่วยปกป้องการทำลายเซลล์ผิวหนัง จากรังสีอุลตร้าไวโอเลตในแสงแดด ซึ่งเป็นต้นเหตุของมะเร็งผิวหนัง และยังทำให้เกิดการสร้างเม็ดสีใต้ผิวหนัง ในคนเอเชียโอกาสที่จะเกิดมะเร็วผิวหนังมีไม่มากนัก ดังนั้นการใช้ครีมกันแดด จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกัน การเกิดจุดด่างดำบนผิวหนังมากกว่า


ประเภทของครีมกันแดด ครีมกันแดดมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้คือ

1. Chemical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสารเคมี ทำหน้าที่ปกป้องแสงแดด โดยการดูดซับรังสีแสงแดดเข้าไว้ในผิว ซึ่งหลังจากโดนแดดสักพัก สารเคมีเหล่านี้ก็เสื่อมสภาพ นั่นคือสาเหตุที่เราจึงต้องทาครีมกันแดดทุกๆ 2-3 ชั่วโมง การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ซึ่งมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมาก อาจเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย

2. Physical Sunscreen เป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสาร ที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกไปจากผิวหนัง ซึ่งสารในกลุ่มนี้จะมีผลระคายเคืองต่อผิวหนัง น้อยกว่าสารในกลุ่มแรก แต่มีข้อด้อยคือ ครีมกันแดดประเภทนี้ไม่สามารถให้ SPF ที่สูงๆ ได้ และเมื่อทาบนผิวหนังแล้ว หน้าจะดูขาวมาก เนื่องจากสารจะเคลือบบนผิวหนังชั้นบน เพื่อรอแสงกระทบ จึงมีการดูดซึมสู่ผิวน้อย

3. แบบผสม Chemical-Physical Sunscreen เป็นการเสริมข้อดี ลดข้อด้อยในแต่ละส่วน นั่นคือ ลดการระคายเคืองต่อผิวหนัง จากสารประเภทสารเคมี และลดความขาวเมื่อทาครีม และเสริมประสิทธิภาพ ในการป้องกันแสงแดดร่วมกัน

ส่วนผสมในครีมกันแดด สามารถแบ่งตามสารออกฤทธิ์ได้ดังนี้

1. สารออกฤทธิ์กลุ่มสารเคมีที่ป้องกัน UVA ได้แก่ Oxybenzone, Sulisobenzone, Dioxybenzone, Avobenzone, Merxoryl sx

2. สารออกฤทธิ์กลุ่มสารเคมีที่ปัองกัน UVB ไ้ด้แก่ Aminobenzoic acid (PABA), Homosalate, Cinoxate, Octyl methoxycinnamate, Octyl salicylate, Padimate O, Phenylbenzimidazole sulfonic acid, Trolamine salicylate, Methyl anthralinate

3. สารออกฤทธิ์กลุ่ม Physical เป็นสารกันแดดที่สะท้อนแสงที่ป้องกันทั้ง UVA และ UVB ได้แก่ Titanium dioxide, Zinc Oxide

วิธีจีบหนุ่มตามวันเกิด



วิธีจีบหนุ่มตามวันเกิด (Teenpath)

สาวๆ ที่กำลังแอบรักหนุ่มๆ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดีให้เขาหันมาสนใจ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย!! เพียงแค่คุณรู้วันเกิดของหนุ่มที่คุณแอบปิ๊งว่าเกิดวันอะไร… เท่านี้ก็ดูได้แล้วว่า เขาเหมาะเป็นคู่ชีวิตเราหรือเปล่า…
หนุ่มวันอาทิตย์
มีความเป็นผู้นำสูง ค่อนข้างเป็นคนที่ชอบออกคำสั่งมากกว่าที่จะให้ปฏิบัติตามคำสั่ง อารมณ์ของเขาไม่ค่อยจะอยู่กับร่องกับรอย เพราะฉะนั้น ถ้าเธอจีบหนุ่มวันนี้ละก็ เธอต้องมีความอดทนสูง และทำตัวเป็นผู้ตามที่ดีในบางเรื่อง แม้เธอจะรู้ดีกว่า แต่ไม่ควรไปชี้แนะอะไรมาก เพราะเขาจะเสียฟอร์มและเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ อีกเรื่องคือความอ่อนหวานนิ่มนวล ซึ่งถ้าเธอไม่มีหรือมีน้อยละก็ ต้องพยายามทำให้มีเยอะๆ เพราะเขาชอบปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า แกล้งๆ อ่อนให้เขาหน่อย มีคนคอยดูแลทำไอ้โน่นไอ้นี่ให้ สบายจะตายไป

หนุ่มวันจันทร์
เป็นคนใจเย็นสุขุมรอบคอบ เขาจะพยายามแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยสันติวิธีก่อน แต่เมื่อปัญหานั้นรุกเร้าเข้ามา จนหาทางออกไม่ได้แล้วละก็เขาก็พร้อมจะชิ่งเอาง่ายๆ เหมือนกัน ถ้าเธออยากจะเป็นหวานใจของหนุ่มวันนี้ละก็ เธอต้องทำตัวเป็นคนที่พร้อมจะอ่อนโยน และพร้อมจะเข้มแข็งตามสถานการณ์ได้ บางเวลาเขาก็ต้องการคำปรึกษาจากเธอเหมือนกัน แล้วหนุ่มวันจันทร์เขาเป็นคนที่ยอมรับฟังความคิดเห็นคนอื่นอยู่แล้ว ปัญหาเรื่องอื่นก็ไม่น่าจะมีอะไร นอกจากเรื่องที่เขาคิดอะไรแล้วไม่ค่อยบอกนั่นแหล่ะ เธอก็ต้องหาวิธี มาเรียบๆ เคียงๆ ถามเอาเองละกัน

หนุ่มวันอังคาร
เป็นคนร่าเริง สนุกสนาน คุยเก่ง เป็นเลิศในเรื่องมนุษยสัมพันธ์ ดังนั้นโอกาสที่จะเริ่มเปิดฉากในการหลีหนุ่มวันนี้ไม่น่าจะยากเย็นอะไร เพราะเขาพร้อมจะคุยกับเธอได้ทุกที่ และทุกทีที่มีโอกาส ข้อเสียของเขาคือ บางครั้งเขาจะเรื่อยเปื่อยกับชีวิตเกินไปจนกลายเป็นเหลาะแหละ แต่เขาก็รู้ตัวเองนะ เขาเลยต้องการคนที่สามารถเป็นผู้นำ หรือกระตุ้นให้เกิดความขยันขันแข็งในเวลาที่จำเป็นด้วย เธอคิดว่าสามารถทำได้รึเปล่าล่ะ

หนุ่มวันพุธ
ถ้าเธอเป็นคนหัวโบราณอยู่แล้ว การจีบหนุ่มวันนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมุมมองและทัศนคติค่อนข้างตรงกัน หนุ่มวันพุธรักความเป็นระเบียบแบบแผน อะไรที่เขาวางแผนไว้ เขาจะทำมันไปตามแผนทุกอย่าง เขาจะรู้สึกหงุดหงิดมากเวลาที่อะไรไม่เข้ารูปเข้ารอย ถ้าเธอปิ๊งหนุ่มวันนี้ล่ะก็ ต้องสวมวิญญาณแม่บ้านแม่เรือนที่ดีให้สมบทบาท แล้วเธอก็ต้องทำใจด้วย เวลาที่เธอตั้งใจทำอะไรให้เขารู้สึกประทับใจ แล้วเขาดันทำหน้าเฉยๆ โธ่..ก็หนุ่มวันพุธ เขาโรแมนติกไม่ค่อยจะเป็นอย่างชาวบ้านหรอก ถึงแม้เขาจะดีใจต่อสิ่งที่คุณทำให้แค่ไหน เขาก็จะไม่แสดงออกมาจนนอกหน้า แต่เธอก็รับรู้ไว้ละกันว่า เขาเป็นคนอย่างนี้ล่ะ

หนุ่มวันพฤหัสบดี
เป็นคนรอบคอบใจเย็น มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เขาสามารถเป็นที่ปรึกษาและที่พึ่งในยามคับขันได้ดี ด้วยความที่เขาเป็นอย่างนี้ล่ะ เขาเลยต้องการคนที่ค่อนข้างจะมีบุคลิกต่างกันเป็นหวานใจ เขาไม่ต้องการให้ชีวิตมีด้านเดียว เพราะเขาอยากรู้ในอีกด้านที่เขาไม่เคยเป็น เพราะฉะนั้น ถ้าจะจีบหนุ่มวันนี้ล่ะก็เธอต้องทำตัวเป็นสาวสมัยใหม่หน่อย ไม่ต้องถึงกับหลุดโลก เอาแค่ทันสมัยปราดเปรียวก็พอ กล้าคิดกล้าทำ กล้าพูด และกล้าที่จะคัดค้านเขาในบางเรื่อง เขาจะประทับใจในความเป็นหญิงมั่นของเธอ ส่วนบันไดขั้นต่อไปยกให้เป็นหน้าที่ของเธอละกัน

หนุ่มวันศุกร์
เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เขาเป็นเพลย์บอยขนานแท้และดั้งเดิม และคนที่มีบุคลิกแบบนี้ไม่ค่อยชอบเวลามีใครมาจู้จี้จุกจิกกับชีวิตส่วนตัวของเขา เพราะฉะนั้นเธอควรทำใจให้กว้างๆ ไม่ต้องติดเขาแจหรอก ปล่อยเขาไปทำอะไรที่เขาอยากทำบ้าง ไปถามซักไซ้มากๆ ก็กลายเป็นชวนทะเลาะเสียอีก แล้วผู้ชายน่ะเป็นอย่างนี้ทุกคน ไม่เฉพาะแต่หนุ่มวันศุกร์หรอก เพราะมันรู้สึกว่า เป็นการไม่ให้เกียรติกัน อะไรไม่สำคัญเท่าเวลาเขาทำอะไร เธอห้ามยุ่งมาก แต่เวลาที่เธอทำอะไรต้องรายงานให้เขาทราบตลอดด้วย รู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบมั้ย แต่ทำยังไงได้ล่ะก็ทนไปเท่านั้นแหละ รักเขาแล้ว

หนุ่มวันเสาร์
จะคบหนุ่มวันนี้ต้องดูแลเรื่องการใช้จ่ายให้มากหน่อย เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า หนุ่มวันเสาร์อ่ะเหนียวขนาดไหน แถมเขายังไม่ชอบเห็นใครใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่อหน้าต่อตาอีกด้วย เธอต้องพยายามทำตัวจนเข้าไว้ ถึงแม้ว่าความจริงจะจนหรือไม่ก็ตาม หนุ่มวันนี้เป็นคนที่จิตใจดี ถ้าเป็นเรื่องที่เขาสนใจล่ะก็ เขาพร้อมจะทุ่มเทให้แบบไม่ต้องซักถาม เพราะฉะนั้นเธอต้องสืบเสาะให้รู้ให้ได้ว่า เขาสนใจหรือชอบเรื่องอะไร จะได้คุยกับเขาทุกเรื่อง แล้วเขาจะรู้สึกประทับใจที่เธอมีรสนิยมเดียวกับเขา อาจจะฝืนใจเธอมากไปหน่อย แต่ลองคิดดูซิ ถ้าได้เขามาเป็นหวานใจมันคุ้มไม่ใช่เหรอ