วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

เนื้อเพลง หญิงไทย



เป็นคนที่อ่อนไหวกับเรื่องราวที่เข้ามาเป็นคนที่มองฟ้าอาจเสียน้ำตาได้เป็นคนไม่พูดจา เป็นคนที่เรียบง่าย..ไม่ค่อยสนใจ เรียกร้องเรื่องอะไรเป็นคนที่ดูเฉย อาจจะเชยด้วยซ้ำไปเป็นคนไม่หวั่นไหว ไม่ค่อยสุงสิงใครๆเป็นคนไม่สังคม กินอยู่ก็ง่ายๆหญิงไทยยังไงก็ยังงั้น
* เเต่เป็นคนที่หัวใจข้างในเข้มเเข็งเป็นคนที่เข็งเเรงเรื่องหัวใจหากได้ลงได้ลองได้รักใครเทให้เลยหมดทั้งหัวใจเเละพร้อมตายเเทนได้เลย ..เธอรู้ไหม
** เป็นที่ช่างฝันเเละชอบจินตนาการเป็นคนไม่ค่อยหวานเเต่ไม่ค่อยยอมเเพ้ใครเป็นคนที่ไม่ยอม ..ถ้าใครมาคิดร้ายหรือเเย่งเธอไปฉันไม่ยอม
ซ้ำ *,**
หรือเเย่งเธอไปฉันไม่ยอม

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2553

เนื้อเพลง วันที่ีฉันกลัว

มีชีวิตเพื่ออะไร มันหมดความหมายเมื่อไร้เธอ ต่อไปคงได้แค่เพ้อ ถึงวันเวลาที่เลยผ่าน รู้ดีว่ามันจะเกิด แต่ก็เตรียมใจไม่ทัน ที่สุดความรักในความต่างกันก็เลิกรา เมื่อชีวิตไม่ใช่ฝัน เธอเหนื่อยกับฉันมามากพอ ไม่ผิดที่เธอจะท้อ ขอไปเจอคนที่ดีกว่า แค่มีบางคนที่เจ็บ จนไม่อาจหยุดน้ำตา ไม่อาจทำใจ กับการจากลาในวันนี้ ต่อให้มันรู้ คนอย่างฉันไม่ควรคู่เธอ ต่อให้รู้สักวันต้องเจอ ก็ยังปวดร้าว เมื่อคำว่าเรากลายเป็นความหลัง มันไม่เหลือเรี่ยวแรงก้าวเดิน เมื่อมันไม่มีเธอร่วมทาง ที่ได้พบได้เจอวันนี้ มันเกินกว่าสิ่งที่ฉันกลัว เธออยู่สูงขนาดไหน แต่ยอมปล่อยใจมารักกัน คนผิดก็คงเป็นฉัน เผลอทำอะไรที่เกินตัว สักวันที่เธอนั้นตื่น ก็คือวันที่ฉันกลัว และมันมาถึงรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ไหว ต่อให้มันรู้ คนอย่างฉันไม่ควรคู่เธอ ต่อให้รู้สักวันต้องเจอ ก็ยังปวดร้าว เมื่อคำว่าเรากลายเป็นความหลัง มันไม่เหลือเรี่ยวแรงก้าวเดิน เมื่อมันไม่มีเธอร่วมทาง ที่ได้พบได้เจอวันนี้ มันเกินกว่าฉันจะทนได้ไหว ความรักหมดไป และฉากสุดท้ายคือการเลิกลา สำหรับเธอมันดีกว่า แต่สำหรับฉันมันปางตาย ต่อให้มันรู้ คนอย่างฉันไม่ควรคู่เธอ ต่อให้รู้สักวันต้องเจอ ก็ยังปวดร้าว เมื่อคำว่าเรากลายเป็นความหลัง มันไม่เหลือเรี่ยวแรงก้าวเดิน เมื่อมันไม่มีเธอร่วมทาง ที่ได้พบได้เจอวันนี้ มันเกินกว่าสิ่งที่ฉันกลัว มีชีวิตเพื่ออะไร มันหมดความหมายเมื่อไร้เธอ ก็ยังทำได้แค่เพ้อเมื่อต้องขาดเธอ

วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

ดูดวง

ดูดวงแม่น ๆ

เขียนคำตอบลงในเศษกระดาษของคุณทีละข้อ แบบทดสอบนี้บอกถึงตัวตนภายในของคุณได้มากทีเดียว
1. ให้จัดลำดับสัตว์ต่อไปนี้ตามความชอบของคุณจากมากไปหาน้อย

ก. วัว , ข.เสือ , ค.แกะ ,ง.ม้า ,จ.หมู
2. เขียนคำบรรยายคุณลักษณะของสิ่งต่อไปนี้
ก. สุนัข ,ข. แมว , ค.หนู , ง.กาแฟ , จ,มหาสมุทร
3. คิดถึงคนที่คุณรู้จักและเขาก็รู้จักคุณ เป็นบุคคลที่สำคัญต่อคุณโดยที่คนคนนั้นดูจะโยงเข้ากับสีแต่ละสีที่ให้ มาข้างล่างหนึ่งสีต่อหนึ่งคนอย่าตอบซ้ำ
ก. สีเหลือง ,ข. สีส้ม ,ค.สีแดง ,ง.สีขาว , จ.สีเขียว
เขียนคำตอบเสร็จแล้วใช่ไหม ตรวจอีกทีว่าคุณแน่ใจกับคำตอบของตนเองหรือเปล่าก่อนจะอ่านบทวิเคราะห์ต่อไปนี้
------------- บทวิเคราะห์ ----------------------

1. สัตว์แต่ละชนิดบอกถึงอับดับของสิ่งที่คุณให้ความสำคัญในชีวิต
ก. วัว แทนอาชีพ ข. เสือ แทนศักดิ์ศรี ค. แกะ แทนความรัก ง. ม้า แทนครอบครัว จ. หมู แทนเงิน
2. คุณลักษณะของสิ่งที่คุณบรรยายมีความนัยบ่งบอกถึง…

ก. สุนัข เป็นความนัยบอกถึงบุคลิกภาพของตัวคุณเอง ข. แมว มีนัยถึงคู่ของคุณ บอกบุคลิกของคนที่เป็นคู่ชีวิต ค. หนู หมายถึง บุคลิกของศัตรูของคุณเอง ง. กาแฟ หมายถึง การตีความในเรื่องเซ็กซ์ว่าคุณคิดอย่างไร จ. มหาสมุทร บ่งบอกถึงชีวิตของคุณเอง
3. สีแต่ละสีแทนค่าความรู้สึกที่ทำให้ให้คุณนึกถึงใคร

ก. สีเหลือง ใครคนนั้นที่คุณไม่อาจลืม ข. สีส้ม คนคนนี้คุณมองว่าเขาหรือเธอเป็นเพื่อนที่ดี ค. สีแดง คนที่คุณรักเหลือเกิน ง. สีขาว คู่ใจหรือคู่ชีวิต จ. สีเขียว คนที่จะจดจำไปชั่วชีวิต / สุดท้าย………

ทายนิสัยกับเส้นก๋วยเตี๋ยว

นิสัยกับเส้นก๋วยเตี๋ยว

เชื่อมะ....เส้นก๋วยเตี๋ยวที่เราชอบกินกันทุกวันเนี่ย บอกเรื่องราวความเป็นตัวตนของคุณได้นะ ลองดูซิ ว่าจะตรงมั้ย...คนที่ชอบกิน
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่

คุณเป็นพวกจริงจังมาก เป็นพวกเงียบๆ รักสันโดษ ส่วนลึกในจิตใจของคุณจะค่อนข้างอ่อนไหว อะไรนิด อะไรหน่อยก็เก็บไปคิด ชอบช่วยเหลือคนอื่น อย่าเครียดนักนะ ต้องปล่อยวางบ้าง
ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก

คุณน่ะชอบสังคม มีเพื่อนมาก ไม่คิดมาก มีอารมณ์ขัน ข้อเสียของคุณก็คือไม่ค่อยจะมั่นใจในตัวเองซักเท่าไหร่เลยล่ะ เจ้าชู้เหมือนกันนะคุณนี่
ก๋วยเตี๋ยวเส้นหมี่

คุณชอบอยู่เงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ชอบอ่านหนังสือ ไปไหนมาไหนคนเดียวก็ได้นะนี่ ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะโรแมนติกเหมือนกันน้า....แต่ขี้งอนชะมัด
ก๋วยเตี๋ยวเส้นบะหมี่

โอ้โห..อย่าซนนักสิ ชอบนักล่ะเรื่องท้าทาย ไม่เคยกลัวเลยล่ะ แถมยังชอบตะลอนๆ ไปโน่นมานี่ไม่หยุด ถ้าจะหาเพื่อนรู้ใจ ก็ไม่ควรเอาพวกขี้งอนนะ เพราะเขาจะไม่เข้าใจคุณเอาซะเลย วันๆ ยุ่งอยู่กันเรื่องนั้นเรื่องนี้ ไม่ค่อยมีเวลาให้หวานใจนะ
บะหมี่สำเร็จรูป
โถ....อย่าหยิ่งนักเลยจ๊ะ อย่าหวังนะว่าฉันจะยอมก้มหัวให้ใคร ไม่ว่ายากแค้น ลำบากลำบนแค่ไหน ก็ยังหยิ่งเสมอต้นเสมอปลาย เรื่องง้อเขาก่อนนี่ ทำไม่ด้ายยยยย ฝืนใจมั่กมาก ข้อดีก็คือ ละเอียดอ่อน เป็นคนหนึ่งที่ทำงานเก่ง ส่วนข้อเสียนะเหรอ เจ้าอารมณ์ชะมัด แถมยังใช้เงินเก่งอีกต่างหากนะ
เส้นขนมจีน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ข้อเด่นของคนชอบกินขนมจีนก็คือ ขี้เหนียวมาก แต่บางอารมณ์ถ้าเจอของถูกใจนะ ทุ่มไม่อั้นได้เหมือนกัน แถมอีกนิด อะไรนิดอะไรหน่อย ถ้าขวางหูขวางตานะ บอกไว้ก่อนว่า รำค้าน รำคาญค่ะ ฮู้ยอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ แต่เรื่องแฟนเนี่ยนะ ชอบมากกับพวกที่ดูหรูเริด มีชาติตระกูล ชอบกินขนมจีนหรือเปล่า นี่แหละตัวตนของคุณ
เส้นสปาร์เก็ตตี้
อาหารฝรั่งที่ถูกปากคนไทยไม่น้อย เป็นคนที่ดูจริงจังมาก จัดอยู่ประเภทอนุรักษ์นิยมคนหนึ่งเลยนะ เกลียดมากๆ ถ้าใครมาเอาเปรียบ และจะกัดไม่ปล่อยเลยล่ะ ถึงไหนถึงกัแต่ถ้าใครอยากให้ช่วยเหลือ ได้เลยเต็มที่ แต่ไม่ชอบออกนอกหน้าอ่ะ ประเภท ไม่ประสงค์จะออกนามประมาณนั้นล่ะ

แบบทดสอบความรักจากลายมือ

ทายนิสัยจาก..การเขียนตัวหนังสือ
เขียนตัวหนังสือผอม
สำหรับคนที่เขียนตัวหนังสือที่มีลักษณะผอมสูงจนสามารถแลเห็นได้อย่างชัดเจนนั้น อุปนิสัยนั้นมักจะเป็นคนที่มีความอ่อนไหว จิตใจจะเปราะบางมาก ชอบชีวิตที่เรียบง่ายสบาย ๆ ที่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก และค่อนข้างจะเป็นคนที่เก็บตัวอยู่ในโลกของตัวเองไม่ค่อยสนใจหรือเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องคนอื่น ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ออกจะขี้อายไม่มีความมั่นใจในตัวเองนัก ทั้งยังถือสาในคำพูดของคนอื่นที่มีต่อตนเอง คนรอบข้างจะเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตสูง
เขียนตัวหนังสือบาง
คนที่เขียนตัวหนังสือบางนั้น มีความแตกต่างจากตัวหนังสือแบบผอมสูงเพราะตัวหนังสือบาง หมายถึงเส้นที่เขียนจะเบา ไม่มีความหนักแน่นชัดเจนส่วนอุปนิสัยของคนที่มีลายมือแบบนี้ บ่งบอกถึงการเป็นคนที่ช่างคิดจนออกไปทางการเป็นคนคิดมาก แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะมีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนติดจะขี้อายพอสมควรทีเดียว ให้พูดหรือแสดงออกท่ามกลางผู้คนจำนวนมากมักจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่จะชอบทำในสิ่งที่คุ้นเคยอยู่เสมอ ๆ
เขียนหนังสือตัวหนัก
สำหรับข้อนี้หมายถึงตัวหนังสือที่เวลาเขียนผู้เขียนจะกดเส้นลงหนักมากส่งผลให้ตัวหนังสือมีความชัดเจนเป็นอย่างดี ส่วนอุปนิสัยของคนที่มีลายมือลักษณะนี้ จะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองมาก แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความสามารถด้วยเช่นกัน จึงไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นมากนักแต่จะเป็นคนที่สามารถวางแผนและ จัดการทุกเรื่องอย่างเป็นระบบระเบียบเสมอ มักมีเป้าหมายในชีวิตและค่อนข้างจะคาดหวังในชีวิตมาก ชอบการเป็นคนโดดเด่นและมีความสำคัญ
เขียนตัวหนังสือโต ตัวหนังสือตัวโต

หมายถึงตัวหนังสือที่มีขนาดใหญ่แต่จะมีขนาดของตัวอักษรที่สมดุลย์พอดีกันอย่างสม่ำเสมอทุกตัว สำหรับอุปนิสัยของคนที่มีลายมือเช่นนี้ บ่งบอกถึงการเป็นคนใจกว้างมีน้ำใจไมตรี สามารถเข้าได้กับคนทุกระดับ ชอบการมีคนรักใคร่ชอบพอมาก ๆและมีีความสามารถในการควบคุมสถานการณ์อันคับขันเพราะจะเป็นคนที่มีความหนักแน่นเยือกเย็นอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความรอบคอบ ถี่ถ้วนและไม่ชอบให้เกิดสิ่งที่ผิดพลาดกับตัวเองอีกด้วย
เขียนตัวหนังสืออ้วน
คนที่เขียนตัวหนังสืออกมาทางอ้วนหมายถึงตัวหนังสือที่มีขนาดความกว้างมากกว่าความยาวนั่นเอง ส่วนอุปนิสัยนั้นบ่งบอกถึงการเป็นคนมองโลกในแง่ดี ไม่เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ กับใครทั้งสิ้น ทั้งยังเป็นคนใจอ่อน ใจดีชอบช่วยเหลือเอื้อเฟื้อคนนั้นคนนี้อยู่เสมอจนบางทีตัวเองถึงกับเดือดร้อนอยู่บ่อย ๆ และเมื่อต้องตัดสินใจในเรื่องใดสักเรื่องจะมีความลังเลใจสูงทำให้คนที่ไม่ชอบรับผิดชอบเรื่องใหญ่ ๆ ที่ต้องใช้การตัดสินใจแบบเด็ดขาดแต่มักได้รับความเอ็นดูจากคนใกล้ชิดเสมอ
เขียนตัวหนังสือหวัด
สำหรับคนที่ลายมือหวัดเขียนตัวหนังสือติดพันกันแทบทุกตัว บ่งบอกถึงอุปนิสัยของการเป็นนักคิด นักวางแผนที่ดีแต่ถ้าให้ลงือปฏิบัติเองมักไค่อยประสบผลสำเร็จนอกจากนี้ยังเป็นคนที่เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองมาก และมองการณ์ไกลทั้งยังมีอุดมการณ์ที่สูงส่ง แต่มักเป็นคนที่ไม่ชอบเปิดเผยตัวเองนัก ชอบอยู่ในโลกส่วนตัว และหมกมุ่นทำในสิ่งที่ชื่นชอบครั้งละนาน ๆ ในบางครั้งจะเป็นคนที่ใจร้อนกับเรื่องที่คนอื่นไม่ค่อยคาดคิดหรือคิดไม่ถึง
ตัวหนังสือโย้เย้

คนที่เขียนตัวหนังสือเดี๋ยวตัวโตเดี๋ยวตัวเล็กไม่มีความสม่ำเสมอกันเลยนั้น บอกถึงนิสัยของการเป็นเด็กไร้เดียงสา และไม่ค่อยคิดอะไรที่ซับซ้อนนัก และยังชอบตามใจตัวเอง โดยไม่ค่อยคำนึงถึงจิตใจคนอื่นสักเท่าไร แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ใจกว้าง เปิดเผย ยอมรับความคิดของคนได้ง่าย แต่มักจะมีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่เอาจริงเอาจังหรือลึกซึ้งกับสิ่งใดมากนัก โดยเฉพาะถ้าไม่ใช่สิ่งที่ตนชอบหรือสนใจและยังไม่ใช่คนที่มีเหตุผลอะไรเลย
เขียนหนังสือเป็นระเบียบ
คนที่เขียนหนังสืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เท่ากันทุกวรรค ทุกตอนบ่งบอกถึงนิสัยที่เป็นคนเอาจริงเอาจังกับการทำงาน และเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองเป็นแม้ว่าจะมีความแตกต่างจากคนอื่น โดยไม่สนใจว่าใครจะคิดอย่างไรกับตน ทั้งยังเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานสูง และไม่ใช่คนที่ยอมแพ้กับอะไรง่าย ๆ จะมีความอดทนได้ยาวนานจนน่าประหลาดใจกับสิ่งที่ตนมุ่งมั่น นอกจากนี้ยังเป็นคนที่มีความมั่นคงในจิตใจสูงมาก จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรง่ายๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องร้ายมากนัก
เขียนตัวหนังสือเฉียงขึ้น

คนที่เขียนหนังสือโดยตัวหนังสือจะค่อย ๆ เฉียงขึ้นทุกทีนั้น บ่งบอกถึงการเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในชีวิตสูงมาก และมีความอดทนพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะค่อย ๆไต่เต้านำพาชีวิตของตนให้ไปสู่จุดสูงสุดที่มั่นคงปลอดภัยและเหนือกว่าคนอื่นทั้งยังเป็นที่ให้ค่ากับเรื่องของวัตถุค่อนข้างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็จะเป็นคนที่ยื่นอยู่บนความเป็นจริงของชีวิต ไม่มีความซับซ้อนอะไรมากนัก สิ่งใดถูกก็คือถูกและผิดก็คือผิด และจะเชื่อมั่นในความคิดเช่นนี้โดยไม่สนใจรายละเอียดใด ๆ
เขียนตัวหนังสือเฉียงลง
ส่วนคนที่เขียนตัวหนังสือในลักษณะที่ทะแยงลงจากระดับของบรรทัดนั้นมักเป็นคนที่มีชีวิตอยู่ในวันนี้หรือในปัจจุบันมากกว่าที่จะคิดคำนึงไปถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และมีความพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่ ชอบใช้ชีวิตแบบง่าย ๆไม่มีระเบียบแบบแผนอะไรมากนัก ทั้งยังไม่ใช่คนที่ทะเยอทะยานอะไรเลยแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่ชื่นชมชีวิต มีความสุขได้จากทุกสิ่งรอบตัวและมีน้ำใจเข้ากับผู้คนได้ทุกระดับ และยังชอบหยิบยื่นมิตรภาพแก่ทุกคน
เขียนตัวหนังสือเป็นเหลี่ยม

ส่วนคนที่เขียนตัวหนังสือมีลักษณะเป็นเหลี่ยมเป็นมุมอย่างชัดเจนนั้นบ่งบอกถึงนิสัยที่เชื่อมั่นในความคิดของตนอย่างรุนแรง จนออกไปทางคนที่แข็งกระด้าง และไม่ยอมรับความคิดของใครโดยง่ายนอกจากนี้ยังเป็นคนที่เอาจริงเอาจังเคร่งเครียดไปเสียแทบทุกเรื่องทั้งยังเป็นคนเจ้าระเบียบมองโลกแต่ในแง่ร้าย ทำให้หวาดระแวงคนง่ายไม่ค่อยมีความสุขในชีวิตเท่าที่ควร
เขียนตัวหนังสือมน
ส่วนคนที่เขียนตัวหนังสือออกมาทางมน ๆ กลม ๆ นั้นบ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ชอบแสวงหาความรื่นรมย์ให้ชีวิต ทั้งยังเป็นคนใจดี ใจอ่อน ชอบการรับใช้บริการ และตามอกตามใจคนรอบข้าง นอกจากนี้ยังเป็นคนที่ปรับตัวเก่ง สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เร็ว ทั้งยังเป็นคนที่มีความอิสระในตัวเองสูง ไม่ชอบการโดนจำกัดให้อยู่ในกรอบความคิดใดความคิดหนึ่งเท่านั้น จึงสามารถยอมรับความคิดของคนได้โดยง่าย
เขียนตัวหนังสือเล่นหาง

สำหรับคนที่เขียนตัวหนังสือที่ลักษณะตวัดมีหางมาก ๆ นั้น บ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนช่างฝัน และโรแมนติค ชอบในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ จนดูเหมือนคนเจ้าชู้ นอกจากนี้ยังเป็นคนที่อารมณ์ปรวนแปรรวดเร็ว มีความต้องการในเรื่องของรูป รส กลิ่น เสียงสูง ชอบชีวิตที่มีสีสันหวือหวาให้ตื่นเต้นเร้าใจอยู่เสมอ ชอบการพบปะกับผู้คน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีแต่เป็นที่ไม่ระเบียบแบบแผนในชีวิตเท่าที่ควร

แบบทดสอบความรัก

ทำนาย-ทายใจ ใช่ความรักหรือไม่
"เฮ่อ ทำไงดีนี่เขาจะเรียกว่าความรักหรือเปล่านะ" ถ้าใครมีประโยคทำนองนี้อยู่ในความคิดล่ะก็ลองมาทำนี่กันดูดีกว่าค่ะ
1. ถ้าเอาเขาไปเปรียบกับดอกไม้ เธอว่าเขาเหมือนดอกอะไรนะ

A ดอกทิวลิป ดูยุบยับน่ารักดี B เจ้าดอกป๊อปปี้แสนซน C ลิลลี่สีหวาน D กุหลาบดอกโตกำลังแรกแย้ม
2.ถ้าจะให้ดอกกุหลาบเขา เธอว่าสีไหนเหมาะกับเขาของเธอที่สุด

A กุหลาบขาวพราวพิสุทธิ์ B กุหลาบเหลืองแจ่มใส C กุหลาบแดงเข้มข้น D กุหลาบสีชมพู
3.วันแห่งความรักใครๆก็แจกดอกกุหลาบ เธอคิดว่าเขาจะให้กุหลาบสีอะไรกับเธอ

A กุหลาบขาวช่อโตผูกโบตุ้งติ้ง B กุหลาบเหลืองแจ่มใส C กุหลาบแดง 100% D กุหลาบสีชมพู
4.ครบรอบวันเกิดเขามาถึงอีกแล้ว...

A ทุบกระปุกคู่ใจ...เอเขาบ่นๆ อยากได้อะไรนะ B เป็นสปอนเซอร์ในรอบปี..กินข้าวดูหนังละกัน
C การ์ดหวานๆสักใบเป็นไง D ครอสติส..ที่เธอบรรจงปักมัน แม้จะแอบหลับไปด้วยก็เถอะ
5.เวลาอยู่ตามลำพัง2คน..ความรู้สึกของเธอคือ

A สนุกสนานคลายเครียด มีเรื่องให้ขำทั้งวัน B อบอุ่นปลอดภัยดี C สบายๆ เป็นตัวของตัวเอง
D คุ้นเคยเหมือนรู้จักกันมานาน
6.เจอกันทุกวันที่โรงเรียนแล้วอยู่ๆ เขาก็หายไปสามวัน..โดนไม่ได้บอกเหตุผลเธอด้วย

A หนอยแน่ะอีตานี่..หายไปไหนไม่บอก B เขาเป็นอะไรหว่า..แล้วย่องไปดูที่บ้าน
C คิดว่าเขาจะมีเหตุผลที่ดี..มาอธิบาย D กลับมานะน่าดู..นายตัวดี
7.มีคนมาฟ้องเธอ..เห็นเขาควงแม่หญิงนางอื่น

A ฮึ่ม! ลม ลม ลมออกหู B คอยดูท่า..จับให้มั่นคั้นให้ตาย C คุยกับเขาถามจริง..ตอบตรง..ไม่ให้คาใจ D ท่องนะโม..แล้วบอกตัวเองว่าเย็นไว้โยม
8.กำลังดูหนังโรแมนติก ประมาณไททานิกตอนเรือจม

Aรู้สึกอยากมีรักบ้างจัง..เขาก็นั่งอยู่ตรงนี้ B เหงาๆอย่างบอกไม่ถูก C ถ้าเขาเป็นแบบพระเอกก็ดีสินะ D หัวใจพองโตเมื่อเห็นเขาอยู่ข้างๆ
<<< ตรวจคะแนน >>>บวก ลบ คูณ หาร กันไปเลยจะได้หายสงสัย ว่าความรู้สึกที่รบกวนเราอยู่น่ะมันคืออะไรกันแน่ จะได้เตรียมตัวเตรียมใจว่าจะพัฒนาไปเป็นแบบไหนกันแน่
ข้อ 1 A.2 B.1 C.4 D.3
ข้อ 2 A.2 B.1 C.3 D.4
ข้อ 3 A.2 B.1 C.3 D.4
ข้อ 4 A.1 B.2 C.3 D.4
ข้อ 5 A.1 B.2 C.3 D.4
ข้อ 6 A.2 B.3 C.4 D.1
ข้อ 7 A.1 B.2 C.4 D.3
ข้อ 8 A.2 B.1 C.3 D.4
<<< สำรวจตรวจใจ >>>
ต่ำกว่า 15 คะแนนความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ยังไม่ควรเริ่มต้นความรักอย่างจริงจัง เป็นประมาณ PUPPY LOVE มากกว่า ความที่เธอ ยังมองอะไรฉาบฉวย เธอคบกับเขาเพราะเขาทำให้เธอสนุกสนาน บันเทิงเริงใจ เป็นเหมือนเพื่อนที่คอยตามใจเธอมากกว่า ความสัมพันธ์ของเธอและเขามีแนวโน้มเป็นแบบเพื่อนๆกัน**เป็นเรื่องดีจ๊ะเธอยังสนุกสนานได้อีกนาน**

16-25 คะแนนความรู้สึกของเธอตอนนี้ยังไม่ใช่ความรักหรอก เป็นเพราะสัณญาณการแรกเริ่มมิตรภาพ ความประทับใจความสวยงาม ยามมีเขาอยู่เคียงข้างเธอรู้สึกว่า อย่างน้องก็ไม่ใช่มีแต่ฉันคนเดียว เขาเป็นส่วนเติมเต็มให้เธอเป็นช่วงๆ** ความรู้สึกแบบนี้เพียงแค่เธอยังเหงาๆถ้าเธอจะเริ่มต้อนแบบจริงจังก็ได้นะ****เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วหล่ะ**

26 คะแนนขึ้นไปเธอกำลังก้าวผ่านวัยช่างฝันไปได้อย่างสวยงามแล้วหล่ะ เพราะเธอรู้สึกกับเขา แบบเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น มองความรักในแง่จริงจังเริ่มวางแผนรู้จักคิดมีความเข้าใจในกันและกัน มุมมองด้านความรักของเธอได้พัฒนาขึ้นจนใกล้เคียงผู้ใหญ่แล้ว**ยินดีด้วยกับพัฒนาการทางอารมณ์ที่น่าภาคภูมิใจ**

นิยามของคำว่าแฟน


ข้อความ : แฟนคือ คนที่เราเชื่อฟังแต่โดยดีแม้จะไม่ใช่บุพการีผู้มีพระคุณ
แฟนคือ มีแล้วเหมือนคนบ้ายิ้มคนเดียวได้ทั้งวัน
แฟนคือ ไม่ใช่ลูกหมาแต่เราอยากใส่ปลอกคอแสดงความเป็นเจ้าของ
แฟนคือ ยามห่างไกลหายใจออกมามีแต่คำว่า คิดถึง
แฟนคือ คนที่คอยจูงมือเราเหมือนกลัวเราหลงทาง
แฟนคือ พนักงานสอบสวนคอยจับผิดทุกคำพูด
แฟนคือ คนที่พูกจาภาาาดอกไม้นานาพันธุ์ยามจีบกันใหม่ ๆ
แฟนคือ คนที่เราต้องการรายงานตัวทุกเช้าเย็น
แฟนคือ คนที่ช่วยกระตุ้นต่อมร่าเริงให้ทำงานทั้งวันทั้งคืน
แฟนคือ คนที่ทำให้เราเป็นยามนั่งเฝ้าโทรศัพท์
แฟนคือ ไม้กันหมาอย่างดี บอร์ดี้การ์ดมาดเข้ม
แฟนคือ พนักงานถือของยามเราช็อปสนั่น
แฟนคือ คนที่ทำให้เราเหมือนเด็กอนุบาลมีคนคอยรับส่ง
แฟนคือ คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราลดน้ำหนัก
แฟนคือ ขนมปังกะแยมที่แจมกันอย่างลงตัว
แฟนคือ คนสองคนที่ดูดน้ำจากแก้วเดียวกันโดยไม่กลัวติดโรค
แฟน คือคนที่เรายอมตายได้
แฟน คือคนที่จีบเกือบเป็นเกือบตาย
แฟน คือคนที่คอนหึงเรายามคุยกะสาวอื่น
แฟน คือทุกๆสิ่งที่พรรนาสุดจะพูด เป็นสิ่งที่เรารักพอๆกะบุพการี
แฟน คือคนที่เราสามารถยืมตังได้ จะคืรก้อได้ไม่คืนก้อได้
แฟน คืนทุกๆสิ่งจะไม่ทอดทิ้งยามห่างไกล...
และแฟนคือ คนที่เรารักมาก ๆ ๆ จนยอมถวายชีวิตได้

นิยามของคำว่าเพื่อน

"เพื่อน" คือคนที่กิน เล่นด้วยกัน
"เพื่อน" คือคนที่ทำการบ้านไม่ทัน ก็ลอกได้
"เพื่อน" คือคนที่รับปรึกษา ปัญหาหัวใจ
"เพื่อน" คือคนที่เรารักใคร ก็ช่วยลุ้น
"เพื่อน" คือคนที่เตือนให้ทำ แต่ความดี
"เพื่อน" คือคนที่หวังดี คอยเกื้อหนุน
"เพื่อน" คือคนที่อยู่ใกล้~ไกล ก็อบอุ่น
ความรักของเพื่อน จะกรุ่น มิรู้เลือน

นิยามของคนอกหัก


คำว่า"อกหัก"...ใครที่รักใครไม่เป็นก็คงไม่รู้จักคำนี้...และคำว่า"อกหัก"...ถ้าใครมีความรักที่สมหวัง ก็จะไม่รู้จัก คำ ๆ นี้เช่นกัน...ในเมื่อคนสองคนที่มีใจที่ตรงกัน ได้มารักกัน ได้เดินทางในเส้นทางเดียวกัน...ต่อมาระยะหนึ่ง...ความรักที่มีนั้น ไม่เหมือนเดิม ใจไม่ตรงกัน อาจเพราะว่า ใครคนใดคนหนึ่ง มีใจไม่เหมือนเดิม หรืออาจจะเป็นว่า ทั้งสองคนร่วมใจกันใจไม่ตรงกัน...เป็นการใจตรงกันครั้งสุดท้าย.. คนสองคนหมดรักกัน และจากกันไป เพื่อ "ไปเดินในเส้นทางใหม่"ที่ตนต้องการ..กรณีคนอกหักเป็นประเภท...เราใจเหมือนเดิม แต่เขา เปลี่ยนไป... เหมือนโลกทั้งโลก...ทะลายไป...รู้สึกว่า ตัวเองไม่มีค่า คิดแต่ว่า " ฉันผิดอะไร? "เขาทำไมจากไป ทำไม ทำไม และทำไม ณ เวลานั้น คนอกหัก จะกลายเป็นคนช่างคิดช่างตั้งคำถาม คิดอะไรรกหัวไปหมด..แต่ออกจะคิดแคบไปหน่อย คิดแต่เรื่องเขาคนนั้น...ด้วยคำถามว่า...ทำไมตัวอย่างของคำถามจากคนอกหัก...ที่ต้องการคำตอบจากเขา (แต่เขาไม่อยู่ให้ตอบคำถาม)

1. ทำไมถึงเลิกกับเรา?


2. เธอมีใครใหม่หรือ?


3. เธอจะคิดถึงฉันไหม?


4. ทำไมเหงาอะไรอย่างนี้นะ...เธอล่ะ?


5. เธอทำอะไรอยู่นะ...? และอีกมากมาย


โทษแต่ตัวเอง....ร้องไห้...ร้องไห้....และร้องไห้....เหมือนคนบ้า.....อยู่ดี ๆ ก็ร้องไห้.....ทำตัวห่อเ***่ยว เสมือนหมดแรงเพราะทำงานตรากตรำ......สมองฝ่อไปชั่วขณะ.......บางที สำหรับบางคน.....ไม่รู้ว่าใช้สมองส่วนไหนคิด...เขาคิดทำร้ายตัวเอง บางคนถึงกับชีวิตก็มี เพื่ออะไร?.......พวกนี้ไม่รู้จักใช้สมองอันน้อยนิดที่ปลายนิ้วมือคิดเลย...(จริง ๆ)เสียใจกับความรักที่มันไม่มีทางกลับมาเหมือนเดิมน่ะได้....แต่อย่าเสียใจนานนัก...เราเสียใจ...ร้องไห้....ทำร้ายตัวเอง จะมากน้อยเท่าไร "เขาคนนั้นไม่มารับรู้อะไรด้วยหรอก"ขณะที่คุณร้องไห้...เสียใจ คิดถึงแต่เขา นึกถึงแต่เขา...คุณทำร้ายตัวเอง....เขาคนนั้น กำลังนึกถึงคนอื่น มีความสุขอยู่กับรักใหม่ของเขา โดยที่เขาไม่ได้นึกถึง ไม่ได้คิดถึงคุณแม้แต่น้อยนิดเลย... ในเมื่อรู้อย่างนี้แล้ว...คิดอะไรได้รึยัง?****คิดซะ...เขาคนที่ทำเราร้องไห้ได้น่ะ ไม่ได้มีค่าอะไรเลย กับชีวิตที่มีค่าของเรา อยู่มาได้อายุเท่านี้ ก่อนหน้านี้ไม่มีเขาเราก็ไม่ตาย ประสาอะไรกับตอนนี้ ณ วินาทีนี้ เราจะไม่มีเขาแล้ว จะเป็นอะไรไป... ชีวิตมีค่า เวลาที่มีอยู่ใช้ให้คุ้ม กับคนที่เขาหวังดี รักเรา เถอะนะ...รักตัวเองให้มากขึ้น...มองโลกให้กว้างกว่านี้ แล้วคุณจะเห็นอะไรดี ๆ มากมายคนรอบ ๆ ข้างคุณ เพื่อน ๆ คุณ ก็ช่วยให้คุณหัวเราะได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น....มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้นแหล่ะ...ที่จะช่วยให้ตัวคุณเองยิ้มและหัวเราะได้...หาอะไรทำเพื่อที่จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านกับเรื่องเลวร้ายอย่างนั้นซะ....ถึงแม้มันจะเหมือนการหลอกตัวเอง หลอกคนอื่นว่าคุณทำใจได้ แต่ว่า มันก็ดีซะกว่า คุณไม่รักตัวเอง....

นิยามของความรัก กับ เลิกรัก







นิยามของความรัก กับ เลิกรัก
นิยามของความรัก กับ เลิกรักจงหาทางออกให้กับความรักเพื่อหัวใจของคน 2 คนความรักกับความใคร่ ความหมายห่างกันโดยสิ้นเชิงเวลาบางเวลาอาจให้คุณค่ากับหัวใจอีกหลายคำหมื่นแสนล้านคำบอกเล่าคงไม่มีความหมายสำหรับหัวใจในวันเลิกราความรักอาจเป็นอย่างเดียวที่เงินไม่สามารถซื้อได้ถ้าความรักไม่รู้จักจบสิ้นก็คงไม่รู้จักความสุขคนที่รักกันไม่จริงใจเปรียบเหมือนไม่เคยรักกันเวลาที่เลวร้ายที่สุดของความรักความรักมี 2 อย่าง ต่างกันตรงที่ยามรักหรือเลิกรักการลาจากนั้นอาจทำให้เจ็บปวด แต่ดีกว่าเจ็บปวดเพราะไม่ได้รักฉันอาจต้องยอมแพ้ เพราะหัวใจฉันมีแค่ดวงเดียวหาความรู้สึกดีๆไม่มีให้กันอีกต่อไปความรักก็คงจบกันเมื่อนั้นฉันไม่เคยอยู่เบื้องความรัก แต่ฉันก็ไม่เคยเข้าถึงความรักสิ่งที่เจ็บกว่า การบอกเลิกรา คืออยู่ด้วยกันทั้งที่ไม่เคยรักถ้าเรารู้ว่ามีความหมายกับใครอาจทำให้หัวใจมีพลังบางทีถ้าเราหวังมากเกินไปกับความรักมักไม่ได้อะไรจากความรักความคิดในด้านรักไม่เคยสวยงามเหมือนนิยายความสุขและการไม่ทรมานในเรื่องความรักมันอยู่ทีจิตใจรักเป็นสิ่งที่ลืมยากแต่ง่ายสำหรับการเริ่มต้นหลายๆคน บอกว่าเวลาเท่านั้น ที่รักษาอาการอกหักเพราะไม่อยากให้สูญเสียความรักจึงเสียคนที่เรารักช่องว่างของความรักโหดร้ายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดทำไม ทำไมเป็นคำถามยอดฮิต ว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจทำไมต้องไปรักคนอื่นทำไมต้องเป็นคนนั้นไม่ได้เป็นฉันคุณเคยรู้จักมั้ยกับความสุขนะ ถ้าคุณเคยรักใครสักคนเพราะฉันเข้มแข็งพอฉันคงไม่แพ้ความรักการที่จะเลิกรักใครสักคนเป็นการยากที่จะตัดสินใจบนเส้นทางถนนหลายร้อยพันกิโลความรักอาจเดินไปไม่ถึงยังไงๆ ฉันคงมีเธอคนเดียวเป็นเจ้าของหัวใจสายรุ้งไม่เคยมีสีเดียวในท้องฟ้าไม่ว่าเธอเลือกที่จะเจ็บ หรือเลือกที่จะลืมแล้วแต่เธอจะเลือก...ฉันก็คือคนๆ หนึ่งที่มีความรัก ความเศร้า ความเหงาเหมือนๆกับทุกคน...

ทายนิสัยจากการรับโทรศัพท์

ทายนิสัย . . . จากการรับโทรศัพท์

เวลาคุณรับโทรศัพท์ คำแรกที่คุณทักทาย รู้มั้ยว่านำมาทายนิสัยตัวเองและคนอื่นกันได้ค่ะ


รับแล้วบอกชื่อตัวเอง เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ชอบปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ และยังเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ต่างๆ ชอบแสวงหาประสบการณ์ชีวิต

รับแล้วถามธุระทันที เป็น คนค่อนข้างใจร้อน เมื่อคิดจะทำอะไรก็จะลงมือทำทันที ไม่มีรีรอให้เสียเวลา บุคลิกภายนอกดูเย็นชา แต่ตัวตนที่แท้จริงแล้วเป็นคนซื่อๆ ชอบคนเอาอกเอาใจ

รับอย่างเป็นทางการ เช่น บอกเบอร์โทรศัพท์และชื่อตัวเองเป็นคนที่มีระเบียบ ให้ความสำคัญแก่ครอบครัวและคนใกล้ชิด ชอบใช้ชีวิตในกรอบ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงและเสี่ยงภัย

รับอย่างเป็นทางการ เช่น บอกเบอร์โทรศัพท์และชื่อตัวเองเป็นคนที่มีระเบียบ ให้ความสำคัญแก่ครอบครัวและคนใกล้ชิด ชอบใช้ชีวิตในกรอบ ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงและเสี่ยงภัย

รับแล้วถามว่ามีอะไรให้รับใช้ เป็นคนมองโลกในแง่ดี ใจกว้าง ชอบความสะดวกสบาย ไว้ใจคนง่าย ชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ก็เป็นคนที่มีอารมณ์เปราะบาง

รับแล้วพูดติดตลก แสดงว่าเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ชอบใช้ชีวิตที่สนุกสนาน มีบุคลิกที่ดูอบอุ่นน่าคบหา เปิดเผย และใจกว้าง

รับแล้วถามว่าสบายดีมั้ย เป็นคนอ่อนโยน ใจดี มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆ มองโลกในแง่ดี ไม่ชอบการทะเลาะเบาะแว้ง เป็นคนเก็บอารมณ์เก่ง

ทักทายธรรมดา เช่น สวัสดี หรือฮัลโหล มักเป็นคนที่มีบุคลิกง่ายๆ ไม่ชอบการโอ้อวด หรือทำตัวโดดเด่น เป็นคนที่ไว้วางใจได้เมื่อมอบหมายงานให้ทำ มีความอดทนสูงในเรื่องของการเรียนรู้

ทายนิสัยจากของขวํญ

ความหมายของของขวัญ

คงไม่เคยมีใครที่ไม่เคยให้ของขวัญใคร หรือไม่เคยได้รับของขวัญแน่ แต่คุณจะรู้มั้ยว่า..........ของขวัญแต่ละอย่างก็มีความหมายในตัวของมัน มาดูกันดีกว่า.......ว่าของขวัญที่คุณได้รับ หรือให้กับใครไป บอกอะไรได้บ้าง

ทายนิสัย

ความหมายของของขวัญ

คงไม่เคยมีใครที่ไม่เคยให้ของขวัญใคร หรือไม่เคยได้รับของขวัญแน่ แต่คุณจะรู้มั้ยว่า..........ของขวัญแต่ละอย่างก็มีความหมายในตัวของมัน มาดูกันดีกว่า.......ว่าของขวัญที่คุณได้รับ หรือให้กับใครไป บอกอะไรได้บ้าง
ดนตรี ไม่ว่าจะเป็นเทปเพลง แผ่น CD เครื่องดนตรีทั้งหลาย มีความหมายถึง จิตใจที่อยากจะส่งมาให้

ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . แปลว่า คุณอยากจะให้ผู้รับรู้ถึงความรู้สึกในจิตใจ ที่ไม่อาจบอกได้ แต่เป็นความรู้สึกที่แสนดี และคุณก็เป็นคนโรแมนติก หวานแหว๋วไม่ใช่เล่น แถมขี้อายเล็ก ๆ ด้วย

ถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . ถ้าดนตรีหรือ เทปเพลงที่ส่งมาเป็นเพลงรัก คุณกำลังถูกบอกรักแล้วล่ะ ผู้ให้เป็นคนน่ารัก อบอุ่น เซ็นซิทีฟ อ่อนโยน ช่างฝัน และกำลังรอคำตอ

กล้องถ่ายรูป - ภาพถ่าย ความหมายของกล้องถ่ายรูป หรือภาพถ่าย รวมทั้ง Postcard ด้วย บอกถึงความรู้สึกที่ห่างกันแล้วนะ

ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . หากคุณส่งภาพถ่าย หรือเอาใส่กรอบให้ใคร คุณอยากจะให้เขาคิดถึงคุณเสมอ กลัวว่าเขาจะลืมคุณ แม้กระทั่งกล้องถ่ายรูป ก็อยากให้ถ่ายรูปส่งมาให้กัน บ้างนั่นแหละ มี อาการน้อยใจเล็ก ๆ ด้วย นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่บอกได้ว่า คนที่ให้เป็นคนที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว รักการผจญภัย กล้าเสี่ยง และมีอารมณ์ขัน ไม่อยู่ในระเบียบ ไม่อยู่ในก?เกณฑ์ รักอิสระ เหนือสิ่งใด

ถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . ความหมายคล้าย ๆ กัน ถ้าคุณได้รับของขวัญ เป็นกล้อง ภาพถ่าย ผู้ให้อยากจะบอกว่าคิดถึงมาก อยากมาอยู่ใกล้ชิด คล้ายๆ กับภาพแทนใจทำนองนั้น หรือกำลังบอกว่า คุณเข้าถึงยากอยากให้ เปิดใจให้มากกว่านี้หน่อยก็ได้

เสื้อผ้า ไม่ว่าเป็นเสื้อผ้า กระโปรง กางเกง แสดงให้รู้ถึงความรู้สึกแสนพิเศษที่ลึกลงไปอีกหน่อย

ถ้า คุณเป็นผู้รับ. . . คนให้เขาอยากให้รู้ว่า มีความรักความห่วงใยอย่างล้นเหลือให้ และยังแสดงให้รู้ว่าต้องการจับจองเป็นเจ้าของหัวใจด้วย ถ้าเป็นชุดชั้นในหรือ ชุดนอนล่ะก็ แปลว่า นอก จากรัก และห่วงใยแล้ว ยังอยากเป็นเจ้าของทั้งตัวทั้งหัวใจเลย (หนุ่มไหนซื้อให้...ก็ระวังไว้ ให้ดีเชียว) ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . คุณต้องการจะดูแล และห่วงใยคนที่คุณให้ ด้วยความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา อยากให้คนรับรู้ว่า คุณมีความรู้สึก ที่ลึกซึ้งเอามาก ๆ ทีเดียวนะ นอกจากนี้ คนที่ให้เสื้อผ้ายังเป็น คนทันสมัย ตามโลก คล่องแคล่ว และสะอาดรักสวยรักงาม อีกด้วย ต้นไม้ โอ๊ะโอ๋! รู้มั้ยว่า การมอบต้นไม้น่ะ แสนจะหวานเลยนะ เพราะสื่อความหมายว่า อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขามั่นคง แตกหน่อเติบโตต่อไป หวานม่ะ!

ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . บอกได้ว่าคุณเป็น คนสุภาพ อ่อนโยน ติดดิน และรักธรรมชาติ คุณอยากจะเป็นคนดูแล และชอบเอาอก เอาใจ คุณเป็นคนอ่อนหวาน ช่างฝัน โรแมนติก เรียบร้อย และ คุณอยากจะบอกว่า ความรู้สึกของคุณนั้น จริงจังและทุ่มเทมาก ด้วยนะ ถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . คนให้มีความรู้สึก ที่จริงใจ และมั่นคงและอยากให้ ความสัมพันธ์เจริญเติบโต งอกงามเหมือนต้นไม้ นอกจากจะห่วงใยอาทรแล้ว ยังพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อคุณ ได้อีก ด้วย บอกถึงนิสัย ผู้ให้ว่าเป็นคนจริงจัง หัวโบราณ แต่ก็มั่นคง อบอุ่น และน่ารัก แม้จะจืดไปบ้างเล็ก ๆ


ตุ๊กตา ของขวัญยอดฮิต ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาอะไร มีความหมาย ถ้าความรักใคร่ที่ปนมากับความเอ็นดู และอบอุ่นอ่อนโยน

ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . บอกได้ว่าคุณเป็น คนที่มองโลกในแง่ดี ขี้อ้อนเล็กๆ ใจดี มีเมตตา น้ำใจดี อ่อนโยน และอ่อนหวาน คุณชอบเล่นบทแม่ที่ดูแลลูก ช่างฝันและ อ่อนไหว ตุ๊กตาที่คุณให้บอก ให้รู้ว่า คุณอยากให้ความสัมพันธ์นี้ดีไปตลอด จะทะนุถนอมความรู้สึกของผู้รับเสมอ

ถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . คุณคงรู้แล้วสินะว่า มีคนเขารัก และห่วงใยคุณขนาดไหน ยามใดที่คุณมีทุกข์ ผู้ให้ก็พร้อมจะมาดูแลคุณ ปลอบโยนคุณเสมอ

ดอกไม้ มาถึงดอกไม้ ดอกไม้ เป็นความรู้สึก ที่หวานซึ้ง และร้อนแรง ต่างกับต้นไม้ตรงที่สวยอยู่ ได้ไม่นาน ก็ร่วงโรย มักจะบอกถึงอารมณ์ที่วูบไหว แบบสายฟ้าฟาดทำนองนั้น

ถ้าคุณเป็นผู้ให้. . . คุณเป็นคนที่ชอบเรื่องรักใคร่ โรแมนติกอารมณ์วูบไหวง่าย อาจตกหลุมรักง่าย และหน่ายเร็ว ขยันและแอ็คทีฟ รสนิยมดี เข้าสังคมเก่ง ใจร้อน ดอกไม้ที่ให้ความหมายถึง ความรู้สึกที่ว่า รักร้อยเปอร์เซนต์ไม่มีตกหล่น เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่มีอย่างเต็มล้น

ถ้าคุณเป็นผู้รับ. . . ผู้ให้กำลังจะบอกว่า เขามีความรู้สึกดี ๆ ที่จะให้เต็มปรี่ สุดแล้วแต่ ผู้รับจะคิดยังไงก็ได้ ไม่หวังจะได้สิ่งตอบแทน คุณเป็นคนพิเศษสำหรับผู้ให้เสมอ

ทายนิสัยจากนิ้วก้อย








ทายนิสัย ..จากนิ้วก้อย

วิธีการดูค่ะ หันฝ่ามือเข้าหาตัวเอง โดยผู้หญิงให้ดูมือซ้าย ส่วนผู้ชายให้ดูมือขวา แล้วขีดเส้นแบ่งข้อต่อแต่ละข้อบนนิ้วก้อย จะได้ทั้งหมด 3 ข้อ ตามรูป

ทายนิสัย

ทายนิสัย ..จากนิ้วก้อย

วิธีการดูค่ะ หันฝ่ามือเข้าหาตัวเอง โดยผู้หญิงให้ดูมือซ้าย ส่วนผู้ชายให้ดูมือขวา แล้วขีดเส้นแบ่งข้อต่อแต่ละข้อบนนิ้วก้อย จะได้ทั้งหมด 3 ข้อ ตามรูปประกอบ

ส่วนที่ยาวที่สุด คือส่วนที่บอกถึงจุดเด่นในตัวคุณ
ข้อบนสุดยาวที่สุด คุณเป็นคนมีพรสวรรค์ในการพูดจาดึงดูดคน เป็นคนพูดจาฉะฉานชัดเจนทั้งในน้ำเสียงและกิริยาท่าทาง เป็นคนช่างสังเกตและรอบคอบ

ข้อกลางยาวที่สุด เป็นคนที่ให้ความใส่ใจต่อผู้อื่นและมีความอดทนเป็นเลิศ ลักษณะความยาวของข้อกลางนี้ ส่วนมากพบในบุคคลที่ อยู่ในวงการแพทย์เป็รส่วนใหญ่
ข้อล่างยาวที่สุด คุณเป็นคนรักอิสระอย่างมากไม่ชอบถูกควบคุมโดยใคร เป็นคนพูดจาเปิดเผย ตรงไปตรงมา ฝีปากกล้าคมคาย ยึดมั่นในความีเหตุมีผลและจะเก่งในเรื่องการโต้เถียง หรือการโต้แย้งใดๆ
ส่วนที่สั้นที่สุด คือ ส่วนที่บอกจุดด้อยในตัวคุณ ข้อบนสั้นที่สุด คุณเป็นคนไม่กล้าแสดงออกอย่างมาก เป็นคนขี้อายจนถึงขนาดตัวคุณเองที่ยากจะเข้าใจในตัวเอง นอกจากนี้คุณยังเป็นคนที่ไม่มีมนุษยสัมพันธ์กับคนอื่นอีกด้วย
ข้อกลางสั้นที่สุด คุณเป็นคนซื่อสัตย์ ยุติธรรมแน่วแน่มั่นคง อาจจะเรียกได้ว่าถึงขั้นไม่มีความประนีประนอม จนดูเหมือนความที่เป้นคนตรง กลายเป็นข้อด้อยของคุณไปเลย
ข้อล่างสั้นที่สุด คุณเป็นคนซื่อๆง่ายๆ ไม่มีเล่ห์เหลื่ยมมารยา เชื่อคนง่ายจนกระทั่งอาจจะถูกหลอกหรือถูกโกงได้ง่าย ด้วยความไร้เดียงสาของคุณ ประกอบ
ส่วนที่ยาวที่สุด คือส่วนที่บอกถึงจุดเด่นในตัวคุณ

กล้วยไม้

กล้วยไม้ เป็นสินค้าโปรดักส์แชมเปี้ยน (Product Champion) ที่นำรายได้เข้าประเทศสูงมาก โดยเฉพาะกล้วยไม้เมืองร้อนซึ่งปัจจุบันไทยได้ขึ้นชื่อเป็นผู้นำการส่งออกมากที่สุดของโลก โดยมีการส่งออกดอกกล้วยไม้สดปีละกว่า 2,500 ล้านบาท และต้นกล้วยไม้ประมาณ 500 ล้านบาท มีตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา อิตาลี เนเธอร์แลนด์ จีน ไต้หวันและเกาหลีใต้ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การผลิตกล้วยไม้ของไทยยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงแก้ไข อาทิ คุณภาพสินค้ายังไม่สม่ำเสมอ ขาดข้อมูลการผลิตการตลาดทั้งในและต่างประเทศ งานวิจัยยังไม่ครบวงจร ไม่มีตลาดกลางมาตรฐานกล้วยไม้ ขณะเดียวกันยังมีข้อจำกัดเกี่ยวกับค่าระวางขนส่งแพง และระบบโลจิสติกส์ (Logistics) ไม่ เอื้ออำนวยด้วย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกกล้วยไม้ไทยไปสู่ตลาดโลกที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้นทุกปี นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการกล้วยไม้แห่งชาติ กล่าวว่า ปี 2552 นี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งขับเคลื่อน “โครงการผลักดันการส่งออกกล้วยไม้” โดยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้ากล้วยไม้ของเกษตรกรและผู้ประกอบการ ไม่น้อยกว่า 1,935 ราย พร้อมเพิ่มขีดความสามารถด้านการตลาดและปรับปรุงระบบบริหารจัดการกล้วยไม้ มีเป้าหมายผลักดันให้ไทยสามารถส่งออกกล้วยไม้ได้มูลค่าปีละ 10,000 ล้านบาท ในปี 2555 เบื้องต้นได้มีแผน ส่งเสริมการปรับปรุงคุณภาพกล้วยไม้สู่มาตรฐานส่งออก เกษตรกรนำร่อง จำนวน 500 ราย อยู่ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม สมุทรสาคร นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ราชบุรี และกรุงเทพฯ โดยจะเร่งสร้างความพร้อมและผลักดันให้เกษตรกรยกระดับฟาร์มกล้วยไม้เข้าสู่ระบบการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) เพื่อได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและตรงตามความต้องการของตลาด ทั้งยังจะสร้างทีมเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาสวน GAP จำนวน 50 ราย คอยเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษาด้านการบริหารจัดการสวนที่ดีช่วยเหลือเกษตรกร พร้อมจะจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ GAP กล้วยไม้ครบวงจรในพื้นที่จังหวัดราชบุรี เพื่อใช้ในการจัดฝึกอบรมและฝึกปฏิบัติของเกษตรกร ช่วยส่งเสริมการผลิตกล้วยไม้ในพื้นที่ใหม่ และจะจัดตั้งหมู่บ้านกล้วยไม้ นำร่อง 5 หมู่บ้านใน 5 จังหวัด มีสมาชิก 125 รายด้วย ขณะเดียวกันยังจะเชื่อมโยงเครือข่ายการผลิตและการตลาดกล้วยไม้ 300 ราย โดยเปิดเวทีให้ผู้ผลิตได้พบปะกับผู้ส่งออกซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตทราบถึงแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภค เพื่อจะได้วางแผนการผลิตสินค้าได้ตรงตามที่ตลาดต้องการ ขณะที่ผู้ส่งออกก็จะได้ทราบแหล่งผลิตสินค้าที่มีชนิด ปริมาณและคุณภาพตามความต้องการด้วย คาดว่าจะมีการเจรจาธุรกิจและตกลงซื้อขายสินค้า สามารถช่วยขยายช่องทางการตลาดกล้วยไม้ และไม้ดอก ไม้ประดับให้กว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งภายในและต่างประเทศ นายอรรถกล่าวอีกว่า โครงการฯ ยังเตรียมแผน ส่งเสริมการพัฒนาพันธุ์และเทคโนโลยี โดยเกษตรกร ซึ่งได้มอบหมายให้ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดสมุทรสาคร จัดหาต้นพันธุ์กล้วยไม้เพิ่มเติม เพื่อขยายฐานพันธุกรรมให้กว้างขึ้นสำหรับการให้บริการเชื้อพันธุ์แก่เกษตรกรใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ ทั้งยังจะเร่งสร้างนักปรับปรุงพันธุ์กล้วยไม้รุ่นใหม่ 3 กลุ่ม จำนวน 60 ราย เพื่อให้ประเทศไทยมีการพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้อย่างต่อเนื่อง โดยจะส่งเสริมการจดทะเบียนพันธุ์กล้วยไม้พันธุ์ใหม่ และสนับสนุนการจดสิทธิบัตรพันธุ์พืชตามหลักสากลด้วย นอกจากนี้ยังจะส่งเสริมด้านการตลาด ซึ่งทางโครงการฯได้เตรียมแผนจัดงานแสดงและประกวดกล้วยไม้ระดับประเทศขึ้นทุกปี เพื่อโชว์ภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำด้านกล้วยไม้ และไม้ดอก ไม้ประดับของไทย อีกทั้งยังจะเร่งรณรงค์และประชา สัมพันธ์การใช้กล้วยไม้ไทยเพื่อประดับตกแต่งสถานที่และในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่กรุงเทพฯ นคร ปฐม ชลบุรี ราชบุรี เพื่อให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้เห็นความหลากหลาย ของสายพันธุ์กล้วยไม้ไทย รวมถึงวิธีการใช้ประโยชน์ในการตกแต่ง อีกทั้งยังจะนำผู้ผลิตและผู้ส่งออกไปร่วมจัดแสดงสินค้ากล้วยไม้หรือจัดโรดโชว์ เจรจาธุรกิจและดูงานการผลิตและการตลาดกล้วยไม้ในต่างประเทศ มีการนำผู้นำเข้ามาดูงานและเจรจาธุรกิจในไทยด้วยเพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ผลิตและผู้ส่งออกของไทย ซึ่งจะสามารถขยายช่องทางการจำหน่ายและขยายตลาดได้เพิ่มมากขึ้น “โครงการฯ ได้จัดตั้งศูนย์กล้วยไม้แห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นศูนย์รวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกล้วยไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็นศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรด้านกล้วยไม้ซึ่งจะใช้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้สำหรับเกษตรกร รายเดิมและรายใหม่กว่า 900 ราย สามารถนำองค์ความรู้ไปพัฒนาศักยภาพยกระดับการผลิตสินค้ากล้วยไม้ไทยป้อนตลาดทั่วโลก ซึ่งปี 2552 นี้ คาดว่า ไทยจะสามารถผลักดันส่งออกดอกกล้วยไม้มูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 15% และส่งออกต้นกล้วยไม้เพิ่มขึ้นกว่า 20% ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น” อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว

เคล็ดลับหน้าใส

เคล็ดลับหน้าใสล้างหน้า – ล้างหน้าเบาๆ แล้วซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาดเบาๆ ไม่ควรใช้แปรง ฟองน้ำ สบู่ หรือสบู่เป็นเม็ดผสมเม็ดขัดถูใบหน้า
เครื่องสำอาง – เลือกใช้เท่าที่จำเป็น ต้องไม่มีสารสเตียรอยด์เจือปน เลือกใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นที่ไม่มีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมีกระตุ้นให้ เกิดสิว
สิว – หากเป็นน้อย เช่น สิวหัวดำ หัวขาว หรือสิวอักเสบเพียง 1-2 เม็ด อาจหาซื้อยามาทาเองได้ แต่ต้องอ่านฉลากยาให้เข้าใจ ไม่แนะนำให้บีบแกะสิวออกด้วยตัวเอง เพราะอาจอักเสบ ลุกลามและเป็นแผลได้
ฝ้า – ยังไม่มีวิธีใดรักษาฝ้าและกระให้หาย ขาดและไม่เกิดขึ้นใหม่ได้อีก จึงไม่ควรเสียเงินและเวลาให้กับการรักษาจนเกิน ไป ฝ้าและกระป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 08.00-17.00 น. และใช้ครีมกันแดด
รอยย่น – แบ่งเป็น 3 แบบ คือ รอยเหี่ยวจากอารมณ์ รอยเหี่ยวจากแสงแดด และรอยเหี่ยวแห้ง รอยเหี่ยวย่นป้องกันได้ด้วยการมีอารมณ์แจ่มใส อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวด หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัด
พักผ่อน – เป็นเคล็ดลับหน้าใสง่าย ๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ วันละไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมง รับประทานอาหารให้ครบหมู่ รวมทั้งผักผลไม้และดื่มน้ำให้เพียงพอ นอกจากนั้นต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอ
บุหรี่ – เคล็ดลับหน้าใส ที่ไม่บอกใคร ๆ ก็คงรู้ นอกจาก ขัดขวางหน้าใสของเราแล้วยังทำให้แก่เร็ว ผิวบาง ผิวหย่อนยาน ผิวแห้ง เกิดมะเร็งผิวหนังได้ง่ายขึ้น เวลาเกิดแผล จะหายช้า บุหรี่ทำลายผิวหนังได้รุนแรงพอๆ กับการโดนแสงแดดเผา การเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ อาจทำให้ผิวเสียได้ เนื่องจากสถานบันเทิงอบอวลด้วยบุหรี่
แอลกอฮอล์ – ทำให้เปลือกตาบวม ผู้ที่ดื่มจัดจะขาดวิตามินบี ทำให้ผิวพรรณซีด เหี่ยวแห้ง หย่อนยาน เวลาเมามักไม่ได้ทำความสะอาดใบหน้าก่อน ทำให้เกิดผื่นแพ้เครื่องสำอาง และสิวได้ง่ายไม่เครียด - ความเครียดทำให้เป็นลมพิษ ผมร่วง เริมกำเริบ เหงื่อออกมากจนมีกลิ่นตัว หรือสิวกำเริบได้ บางรายเวลาเครียดชอบแกะสิวเล่น ทำให้เกิดแผลเป็น วิธีหลีกเลี่ยงความเครียดทำได้เช่น ออกกำลังกาย นั่งสมาธิ เล่นโยคะ นวด ทำใจให้ผ่อนคลาย มีอารมณ์ขัน มองโลกในแง่ดี เป็นเคล็ดลับหน้าใส ที่นอกจากทำให้หน้าใสแล้ว ยังทำให้ชีวิตมีความสุขอีกด้วย ^^

อยากสวย-อยากหล่อ55+


สำหรับคนอยากหล่อ อยากสวยมีขั้นตอนดังนี้
1.นำเหรียญบาทไปต้มทิ้งไว้15นาที ทิ้งไว้ให้เย็น
2.นำไปแช่น้ำมะพร้าว
3.นำมาทาบไว้ตรงบริเวณแผลเป็น
4. ธาตุที่ผสมอยู่ในเหรียญบาทซึ่งได้แก่ ทองแดง75% และ นิกเกิล25%จะทำปฏิกิริยาดังนี้- ทองแดงจะมีสารที่ทำปฏิกิริยากับสิ่งต่างๆที่มีรอยด่างดำซึ่งรวมไปถึงสิวด้วย โดยทองแดงจะทำการดูดกลืนรอยด่างดำอย่างรวดเร็ว- ส่วนนิกเกิลจะช่วยในการปรับสภาพพื้นผิวทำให้ผิวขาวเนียนเรียบสม่ำเสมอที่ให้แช่น้ำมะพร้าวก่อนนั้น เพราะว่าน้ำมะพร้าวจะช่วยสมานแผลที่เกิดจาก การกัดผิวของทองแดง เพื่อลดอาการแสบคัน
5. วางทิ้งไว้30นาที แล้วนำเหรียญออก
6. เสร็จแล้วนำน้ำมะพร้าวที่แช่เหรียญไว้มาล้างหน้า
7. นำเหรีญบาทที่วางบนสิวมาอมใส่ปากไว้
8. นอนรอทำพิธีมัดตราสังข์
9. อธิษฐานว่า ชาติหน้าหนูอยากเกิดมาหน้าเนียนใส
10. จบพิธี

ความหมายของสี

ความหมายของสีต่างๆ

สีดำ สีดำ (Black) เป็นสีแห่งความตาย ความมืด ความน่ากลัว ความผิด พลังแห่งปีศาจ สิ่งเร้นลับอำนาจ....ความข้ม เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่คุณสามารถเห็นงานออกแบบที่ใช้สีดำในโปสเตอร์หนังมักจะออกแบบให้ดูลึกลับ น่ากลัว หรือชวนให้เข้าไปค้นหาความจริง

สีทอง สีทอง หรือ สีเหลือง (Gold) เป็นสีที่แสดงถึงความมั่งคั่ง มั่งมี อบอุ่น เป็นมิตร สร้างสรรค์ หรือนักคิดค้น ประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ อิสระ ความเมตตา การมองโลกในแง่ดี เป็นต้น แต่ในบางครั้งอาจใช้ในความหมายทางด้านลบ เช่น ความหึงหวง ขี้อิจฉา ความพิรุธ ความขี้สงสัย หรือ การหลอกลวง ก็ได้ในวงการวารสาร สีเหลืองยังหมายถึง ความไม่รับผิดชอบ อีกด้วย

สีแดง สีแดง (Red) เป็นสีที่แสดงถึง ความร้อนแรง อันตราย เรื่องเร่งด่วน ฉุกเฉิน ความตื่นเต้นความรัก โรแมนติก ความเจ็บปวด ความเผ็ดร้อน ความทรงจำ ความกล้าหาญ ความเป็นเจ้าของความทะเยอทะยาน พลังแห่ง Sex... ในหลายประเทศจะใช้สีแดงในความหมายต่างกัน เช่น กรีกสีแดงจะหมายถึง การต่อสู้รบราฆ่าฟัน แต่ประเทศแอฟริกาใต้ จะหมายถึง ความเศร้าโศก..

สีเทา สีเทา (Gray) เป็นสีที่แสดงถึง ความมั่นคง ปลอดภัย สม่ำเสมอ ผู้ที่มีอำนาจ บุคลิกที่แข็งแกร่งความคลาสสิค ความตกต่ำ ความรู้สึกหดหู่ มัวหมอง

สีขาว สีขาว (White) เป็นสีที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ สะอาด ผ่องใส ความหวัง ความถูกต้อง ความจริงการไว้ทุกข์ ความช่วยเหลือ ความเรียบง่าย ความเรียบร้อย

สีน้ำเงิน สีน้ำเงิน (Blue) เป็นสีที่แสดงถึง ความมั่นคง ความสม่ำเสมอ เสถียรภาพ ความแน่นอน ความแข็งแรง ความเป็นผู้นำ น้ำ ความเย็น ความสะอาดสะอ้าน ความสบาย ความไว้วางใจ คลาสสิค...ความรู้สึกอ่อนไหว ห้วงอารมณ์ ในประเทศจีน สีน้ำเงิน หมายถึง เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ในขณะที่ในอิหร่าน จะหมายถึง การไว้ทุกข์

สีม่วง สีม่วง (Purple) เป็นสีที่แสดงถึง ความเป็นเจ้านาย กษัตรย์ การฑูต แฟชั่น เกย์ ในสหรัฐจะใช้สีม่วงสำหรับทหารที่ถูกฆ่า ในขณะที่ลีโอนาโด นาวินซี จิตกรชื่อดัง กล่าวว่าสีม่วงอ่อนจะทำให้เขามีพลังทางความคิดมากขึ้น และหากนำสีม่วงเป็นสีห้องสำหรับเด็ก จะทำให้เด็กเกิดจินตนการ

สีน้ำตาล สีน้ำตาล (Rust) เป็นสีที่แสดงถึง ความสมบุกสมบัน ดิน สนิม ความแห้งแล้ง ความเป็นมิตรความซื่อสัตย์ การไว้ใจ น่ารำคาญ ทรมาน เห็นแก่ตัว แข็งแกร่ง...

สีเขียว สีเขียว (Green) เป็นสีที่แสดงถึงความสดชื่น ต้นไม้ การเจริญเติบโต เงิน ความหนุ่มสาวสิ่งแวดล้อม การผ่อนคลาย ความเป็นธรรมชาติ และสีเขียวยังเป็นสีประจำชาติของประเทศไอร์แลนด์ อีกด้วย

สีชมพู สีชมพู (Pink) เป็นสีที่แสดงถึง ความเป็นผู้หญิง อ่อนไหว ความรัก ความนุ่มนวล น่ารัก วัยหวานสุภาพอ่อนโยน ทะนุถนอม ขี้อาย

สีส้ม สีส้ม (orange) เป็นสีที่แสดงถึง แรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม พลัง ความสำคัญ ความอบอุ่น ความกรุณา หยิ่งยโส จองหอง มีทิฐิ...

ดอกไม้ประจำวันเกิด

ดอกไม้ประจําวันเกิด
โบราณเชื่อกันไว้ว่า ในแต่ละวันจะมีต้นไม้และดอกไม้ประจำวัน ซึ่งเชื่อกันว่า หากใครที่ปลูกต้นไม้หรือดอกไม้ประจำวันเกิด แล้วต้นไม้หรือดอกไม้เจริญเติบโตได้ดี ชีวิตก็จะก้าวหน้า ร่างกายแข็งแรงหรือถ้าออกดอกเบ่งบาน เชื่อกันว่าจะมีความสุขความสมหวังเสมอ ตรงกันข้าม หากดอกไม้หรือต้นไม้เกิดเหี่ยวเฉาลงก็จะเป็นลางเตือนเจ้าของต้นไม้ ดอกไม้ได้เหมือนกัน หากว่าเธอคนนั้น
เกิดวัน... เธอที่เกิดวันอาทิตย์ ต้นไม้ประจำวันเกิดเป็น ต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิดเป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์ ผู้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือลัน เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย
เธอที่เกิดวันจันทร์ ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี ดอกไม้ประจำวันเกิดคือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน เพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน
เธอที่เกิดวันอังคาร ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุขดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้
ธอที่เกิดวันพุธ ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพดอกไม้ประจำวันเกิดคือ คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน
เธอที่เกิดวันพฤหัสบดี เธอที่เกิดวันนี้ มีต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ
เธอที่เกิดวันศุกร์ ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน ส่วนดอกไม้ที่ถูกแลกโชคดีของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือหรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง
เธอที่เกิดวันเสาร์ จะมีต้นไม้พวก ตันกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด และดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว

เนื้อเพลง หยุด

ฉันนั่งยิ้มลำพัง หัวเราะลำพังสดชื่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้นเรื่องจริงกับความฝันเกิดขึ้นด้วยกันทันตา* ฉันอยากจะหยุดเวลานี้ตั้งแต่วินาทีที่ชีวิตมีเธอเข้ามาเธอทำให้คนที่เหนื่อยล้านั้นกล้าจะเปิดหัวใจ** หยุด หยุดชีวิต หยุดกับคนนี้หากแม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหนหยุด หยุดความรักทั้งหัวใจจะหยุดอยู่กับเธอคนเดียวฉันนั้นรู้ทันที รักทันทีเธอคือความโชคดีที่เข้ามาตั้งแต่ได้พบกับเธอนั้นชีวิตนั่นคือความฝันที่เกิดขึ้นตอนลืมตา( ซ้ำ * , ** )( ซ้ำ ** , ** , ** , ** )

เนื้อเพลง ชีวิตที่ฉันเหลืออยู่

เธออย่าถามว่าฉันนั้นเคยรักใคร และเธออย่าถามว่ารักเขาอยู่บ้างไหม อดีตที่ฉันมี เธออย่าไปสนใจ ถึงวันนั้นชีวิตฉันเคยให้ใคร แต่ในวันนี้ฉันขอให้เธอเชื่อใจ ว่าต่อจากนี้ทั้งใจ ที่มีจะมีแต่เธอตลอดไป (และ)เธอ ขอให้เธอจำเอาไว้ จากนี้ทุกลมหายใจ มีแค่เธอแค่เธอเท่านั้น ฉันขอให้เธอได้รู้ ว่าชีวิตที่ฉันเหลืออยู่ จงมั่นใจฉันจะให้เธอ ฉันเคยรักคนไหนก็ไม่สำคัญ แต่เธอคือคนสุดท้ายของชีวิตฉัน ต่อจากวันนี้ไป จะมีเพียงแค่เธอ จะมีแต่เธอในใจฉัน (และ)เธอ ขอให้เธอจำเอาไว้ จากนี้ทุกลมหายใจ มีแค่เธอแค่เธอเท่านั้น ฉันขอให้เธอได้รู้ ว่าชีวิตที่ฉันเหลืออยู่ จงมั่นใจฉันจะให้เธอ (และ)เธอ ขอให้เธอจำเอาไว้ จากนี้ทุกลมหายใจ มีแค่เธอแค่เธอเท่านั้น ฉันขอให้เธอได้รู้ ว่าชีวิตที่ฉันเหลืออยู่ จงมั่นใจฉันจะให้เธอ หมดทั้งใจ ต่อจากนี้ไปฉันมีแต่เธอ จงมั่นใจ มั่นใจว่าฉันจะรักเธอ

เนื้อเพลง ยังอยากรู้

อาจมีคำถามมากมาย ที่ยังค้างคา ว่าทำไมฉันต้องมารักเธอแต่มันก็เหมือนสายไป ถ้าจะค้นเจอ ในวันที่ฉันรักเธอหมดใจ* ก็นั่งลงนึกภาพเธอไปอีกหลายปี หน้าตาแบบนี้แต่ฟันหายไปแต่ที่ยังรักๆ เธอ ฉันเองมั่นใจ ไม่รู้ว่าเธอคิดอย่างไร** ฉันเองก็ยัง..อยากรู้ ถ้าวันหนึ่งเธอไม่สบาย ในวันที่เธอนั้นแก่ สายตาเริ่มแย่อยากให้ใครมาเดินอยู่ใกล้ๆ *** หรือว่าไม่เคยคิด ไม่เคยคิดเลย ว่าจะเป็นใคร เพราะว่ารู้ดี ว่าทั้งหัวใจ จะมีเธอเท่านั้น ที่อยู่ในใจฉันตลอดเวลาไม่ใช่ชายในฝัน มากกว่าความฝัน เพราะเธอมีอยู่จริงคนที่เข้าใจฉันในทุกสิ่ง ที่ฉันนั้นเป็นอยู่และอยากจะขอให้เธอนั้นอยู่กับฉันตลอดไป(* , ** , ***)(** , ***)

ตำนนานดวงจันทร์

เรื่องเล่าปรัมปรา:ตำนานดวงจันทร์24.08.2007 - 21:18:24ตำนานดวงจันทร์ นานมาแล้ว..สมัยที่โลกยังมีพระจันทร์ 2 ดวง มีดวงจันทร์ดวงหนึ่งเป็นผู้หญิงกับอีกดวงหนึ่งเป็นผู้ชาย และดวงจันทร์ทั้งสองดวงนี้ ต่างก็รักกันมาก ดวงจันทร์ทั้งสองไม่เคยแยกห่างจากกัน ทุกๆ คืนเมื่อมองไปบนฟ้า จะเห็นดวงจันทร์ทั้งคู่อยู่เคียงข้างกันเสมอ แต่แล้ววันหนึ่ง ดวงจันทร์ผู้หญิงได้ไปพบกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงหลงใหลในแสงเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ จนเลื่อนตัวตามดวงอาทิตย์ไปทีละน้อย ทีละน้อย และก็แยกมาจากดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งในที่สุด... เมื่อค่ำคืนมาถึง จึงมีดวงจันทร์ผู้ชายเหลืออยู่ เพียงดวงเดียว ส่วนดวงจันทร์ผู้ชายก็ได้แต่ตามหาดวงจันทร์ผู้หญิงไปทุกหนทุกแห่ง คืนแล้วคืนเล่า วันเวลาล่วงผ่านไป แต่ดวงจันทร์ผู้ชายก็ไม่สามารถหาดวงจันทร์ผู้หญิงได้พบ. ด้วยความคิดถึง และอยากพบดวงจันทร์ผู้หญิงให้เร็วที่สุด ทำให้ดวงจันทร์ผู้ชายคิดว่า "หากเรามัวแต่ตามหาอยู่อย่างนี้ คงไม่ได้เจอแน่ๆ" จึงตัดสินใจ.. ระเบิดตัวเอง เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไปทั่วทั้งจักรวาล เพื่อให้ชิ้นส่วนแต่ละชิ้น ออกตามหาดวงจันทร์อีกดวงหนึ่งนั้น เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิง ได้เห็นถึงความจริงว่า แม้ดวงอาทิตย์จะส่องแสงเจิดจ้า สวยงามสักปานใด แต่ดวงอาทิตย์ก็มิได้ส่องแสงเจิดจ้า แต่เพียงเธอเท่านั้น ยังส่องแสงไปยังดาวดวงอื่นๆ อีกมากมาย ดวงจันทร์ผู้หญิงจึงกลับมาหาดวงจันทร์ผู้ชายอีกครั้ง. แต่หาเท่าไรก็หาดวงจันทร์ผู้ชายไม่พบ ต่อมาจึงได้รู้ว่า ดวงจันทร์ผู้ชายยอมระเบิดตัวเอง เพียงเพื่อตามหาตน จนกระจัดกระจายเป็นเศษเสี้ยวเล็กๆ ทำให้ดวงจันทร์ผู้หญิงรู้ว่าไม่มีวันที่จะได้เจอ กับดวงจันทร์ผู้ชายอีกต่อไปแล้ว จึงได้แต่โศกเศร้า และเสียใจ แต่ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ที่ดวงจันทร์ผู้ชาย มีต่อดวงจันทร์ผู้หญิง ทุกค่ำคืนจึงพยายามเปล่งประกายแสง ที่ยังเหลืออยู่เพียงน้อยนิดของตน ส่งให้ถึงดวงจันทร์ผู้หญิง เกิดเป็นแสงพร่างพรายเต็มท้องฟ้า เคียงข้างดวงจันทร์ จนเกิดเป็นดวงจันทร์และดวงดาว ให้เราเห็นจนถึงทุกวันนี้ หากเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน วันไหนที่เห็นจันทร์สวยสด วันนั้น คุณก็จะไม่เห็นดาวดวงเล็กดวงน้อยส่องแสง หรือวันใดคุณเห็นดาวเปล่งประกายเต็มฟ้ามืด วันนั้น คุณก็จะไม่พบดวงจันทร์.... เขาและเธอ ไม่อาจพบกันตลอดกาล.....

วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2553

พระคุณแม่

ใกล้ถึงวันแม่แห่งชาติ ก็ขอถือโอกาสนำเรื่องพระคุณของแม่ ในบางแง่บางมุมมาฝากพวกเรา ซึ่งหลายท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ ต้องทำหน้าที่ทั้ง ๒ อย่างควบคู่กันไป คือทำหน้าที่เป็นลูกที่ดี พร้อมกันนั้น ก็ต้องมาทำหน้าที่เป็นแม่ที่ดีไปพร้อมๆ กันด้วย พระคุณของแม่ และแน่นอนรวมทั้งพระคุณของพ่อด้วย ในแง่มุมต่างๆ นั้น มีอยู่มากมาย จนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและโบราณจารย์ต่างๆ ถึงกับสรุปออกมาว่า พระคุณของพ่อแม่มีมากจนกระทั่งว่า ถ้าจะเอาแผ่นฟ้ามาแทนกระดาษ เอาน้ำในมหาสมุทรมาแทนน้ำหมึก เอาเขาพระสุเมรุ ที่ถือว่าเป็นภูเขาที่ใหญ่ที่สุด มาแทนปากกา แล้วบรรจงเขียนพรรณนา พระคุณของพ่อ พระคุณของแม่ จนกระทั่งตัวอักษรเต็มผืนฟ้า น้ำทะเลหมดมหาสมุทร เขาพระสุเมรุทั้งลูกก็สึกราบเรียบไปหมด แม้กระนั้นก็ยังพรรณนาพระคุณของท่านไม่จบเลย คำอุปมานี้บางท่านอาจจะมีความรู้สึกว่า มากเกินไปหรือเปล่า ซึ่งจะว่ามากไปก็มีส่วนถูก จะว่าน้อยไปก็มีส่วนถูก เพราะขึ้นอยู่กับว่าคนๆ นั้น เป็นใคร เพราะอย่าว่าแต่แผ่นฟ้า ทั้งผืนเลย แค่กระดาษชิ้นเท่าฝ่ามือ ถ้าให้คนบ้าเขียนพรรณนาพระคุณแม่ เขาคงเขียนไม่ได้ หรือถ้าเขียนได้ ก็คงเขียนไม่เต็มกระดาษแผ่นนั้น ในเวลาเดียวกัน สำหรับผู้ที่เป็นบัณฑิต เป็นนักปราชญ์ โดยเฉพาะเป็นบัณฑิต เป็นนักปราชญ์ ทั้งทางโลกและทางธรรม แผ่นฟ้าทั้งผืนก็ไม่พอที่จะเขียนพรรณนาพระคุณของแม่จริงๆ
เพราะฉะนั้น วันนี้หลวงพ่อจะกล่าวถึงพระคุณแม่โดยย่อๆ เพื่อให้พวกเราได้ทราบว่า พระคุณแม่นั้นมีมากมายอย่างไร
๑. ท่านให้กำเนิดเรามา พอพูดอย่างนี้ หลายคนอาจจะเถียงว่า แล้วถ้าแม่ทำแท้งเสียก่อนล่ะ ถ้าแม่ทำแท้งเสียก่อน เอ็งก็ไม่ได้มานั่งฟังหลวงพ่อเทศน์อยู่อย่างนี้หรอก ๒. ท่านให้รูปร่างที่เป็นคนแก่เรา ภาษาพระใช้คำว่า แม่ให้โลกนี้แก่เรา ซึ่งฟังแล้วเราอาจ จะไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะคำว่า "โลก" ที่เราเข้าใจโดยทั่วไปนั้น หมายถึงโลกที่เราอยู่ แต่ว่าในความหมาย ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือในความหมายทางธรรม ไม่ใช่เพียงแค่นั้น พระสารีบุตรท่านเคยให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า สิ่งที่ยังฉิบหายได้เรียกว่า โลก แล้วท่านก็ให้ความหมายของคำว่า "โลก" เอาไว้โดยย่อมีอยู่ ๓ ประการ คือ ๑. โลก หมายถึง สังขารโลก คือ ร่างกายและจิตใจของคนเรา สังขารโลกของใครก็ของคนนั้น ๒. โลก หมายถึง สัตวโลก คือ ยกเว้นตัวเราแล้ว สิ่งมีชีวิตนอกนั้นเป็นสัตวโลกทั้งหมด ๓. โลก หมายถึง โอกาสโลก คือ ช่องว่างให้สัตวโลกได้อยู่อาศัย โลกทั้งโลกที่เราอยู่ก็เป็น โอกาสโลกของมนุษย์ สวรรค์กี่ชั้นๆ ก็เป็น โอกาสโลกของเทวดา และนรกก็เป็น โอกาสโลกของสัตว์นรก เพราะฉะนั้น พระคุณแม่ในข้อที่ให้โลกนี้แก่เรา คือ ประการที่ ๑ ท่านให้ร่างกายพร้อมด้วยจิตใจกับเรา ประการที่ ๒ ท่านทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวแทนของสัตวโลกทั้งโลกนั่นแหละ คือ สอนให้เรารู้จักคน รวมทั้งสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ ไปตามลำดับๆ ประการที่ ๓ ท่านสอนให้เรารู้จักกับโอกาสโลก คือ แผ่นดิน แผ่นฟ้า แผ่นน้ำ ที่เราได้อยู่อาศัย เพราะฉะนั้น พระคุณแม่เอาจริงๆ เข้าแล้ว มีตั้งแต่ให้โอกาสเรามีชีวิตจนกระทั่งออกมาดูโลก ให้รูปร่างที่เป็นคน แล้วก็หาพื้นที่บนโลกอย่างพอเหมาะพอสม ให้เราได้อยู่อาศัยอย่างมีความสุข ส่วนคำว่า "สังขารโลก" คือ ร่างกายและจิตใจ หรือพูดง่ายๆ ว่า คือตัวเรา ถ้าพูดในเชิงธรรมะ ต้องบอกว่า ตัวเรานี้ ไม่ว่าจะเป็นหญิง ไม่ว่าจะเป็นชาย จะสูงต่ำดำขาว จะโง่หรือฉลาด ก็ตาม ล้วนมีที่มา คือ กรรมดี กรรมชั่ว ที่สร้างข้ามภพข้ามชาติมานั่นเอง แต่ถ้าพอเหมาะพอดีแก่กรรมของเราแล้ว แม่ไม่ให้ยืมท้องเกิด ต้องไปอาศัยท้องของคนอื่นเกิด นี่ยุ่งเลย เพราะของอาศัยจะให้ดีเท่าของจริงนั้น เป็นเรื่องยาก ยิ่งไปอาศัยท้องแม่ที่ไม่ได้เป็นคนล่ะก็ แย่เลย เพราะฉะนั้น แค่แม่ให้อาศัยท้องเกิด ให้มีรูปร่างที่เป็นคน แล้วก็มีคุณภาพขนาดนี้ พระคุณของท่านไม่ต้องพูดกัน ว่าจะมากมายขนาดไหน แม้ว่าบางคนเมื่อคลอดออกมาแล้ว อาจจะไม่หล่อ อาจจะไม่สวย หรืออาจจะพิกลพิการ บางส่วนไปบ้าง ก็อย่าเพิ่งน้อยใจ อย่าไปตัดพ้อต่อว่าใคร ถ้าจะโทษก็โทษตัวเองดีกว่า ว่าเราสร้างความดี มาไม่พอ เราทำกรรมมาไม่ดีเอง เราถึงได้เป็นอย่างนี้ และไม่ต้องพิกลพิการไปมากกว่านี้ก็ดีแล้ว
ยกตัวอย่างแม้ตาจะบอดไปสักข้าง หรือขาจะเป๋ไปบ้าง ก็ก้มหน้ารับกรรม ที่เราเคยทำมาเถอะ ได้เกิดเป็นคนก็ดีแล้ว เพราะถึงอย่างไรก็ยัง มีโอกาสสร้างความดี นี่ถ้าไปเกิดเป็นสุนัขล่ะก็ สร้างความดี อย่างนี้ไม่ได้หรอก แต่ไม่ว่าจะมีสภาพอย่างไร เมื่อคลอดออกมาแล้ว แม่ก็เลี้ยงด้วยความเต็มอกเต็มใจ คอยประคบประหงม มาอย่างดี ไม่ได้มีความรังเกียจเดียดฉันท์เลย เลี้ยงอย่างสุดฝีมือ เต็มกำลัง ของท่านทีเดียว ความจริงเวลาที่ คลอดออกมาใหม่ๆ นั้น ตัวของเราแดง อย่างกับลูกนกอนาคต จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ จะมีเชื้อพิการ หรือจะมีเชื้อโรคร้ายอยู่ในตัวบ้างหรือเปล่า ก็ไม่รู้ แต่ว่าแม่ก็ยัง สู้อุตส่าห์เลี้ยงดูมาอย่างดี เหนื่อยแทบตายก็เลี้ยง เสี่ยงเท่าไหร่ก็เลี้ยง ทั้งที่เราก็ไม่เคยรับปาก เลยว่า พอโตขึ้นมาจะทำ อะไรให้ท่านบ้าง สัญญาสักฉบับก็ไม่เคยทำให้ท่าน
ในขณะที่เราจะทำอะไรให้ใครสักอย่าง แค่จะให้เขายืมเงินสัก ๑,๐๐๐ บาท ๑๐,๐๐๐ บาท ยังต้องให้เขาทำสัญญาเสียก่อน แต่แม่เลี้ยงเรามาไม่รู้หมดเงินไปเท่าไหร่ สัญญาสักฉบับก็ไม่เคยมี ถามว่าท่านโง่หรือ ท่านไม่ได้โง่หรอก แต่เพราะท่านมีความเมตตากรุณากับเราอย่างท่วมท้นนั่นเอง ท่านจึงเลี้ยงเรามา เพราะฉะนั้น ถ้าใครเคยคิดตัดพ้อต่อว่าคุณแม่ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไร แม้สักนิดหนึ่งก็ตาม วันแม่แห่งชาติที่จะถึงนี้ รีบไปกราบขอโทษท่าน หรือไม่ต้องรอจนถึงวันแม่แห่งชาติก็ได้ คืนนี้ไปกราบ ขอโทษท่านเสียดีๆ ส่วนผู้ที่คุณแม่เสียชีวิตไปแล้ว ก็กลับไปจุดธูปจุดเทียนไว้ให้ดี แล้วคืนนี้นั่งสมาธิส่งบุญกุศล ไปให้ท่านเยอะๆ แล้วรูปร่าง ที่เป็นมนุษย์ ที่แม่ให้มานี้ดีอย่างไร ร่างกายมนุษย์เมื่อ เทียบกับร่างกายเสือ ร่างกายช้าง ถ้าพูดถึงความแข็งแกร่ง ความแข็งแรง ก็สู้เสือ สู้ช้าง ไม่ได้ แต่ถึงกระนั้น ร่างกายมนุษย์นี้ ก็เหมาะในการ ที่จะทำความดีได้ ทุกรูปแบบ ซึ่งสัตวโลก ชนิดอื่นทำไม่ได้ ยกตัวอย่าง เสือ ช้าง จะแข็งแรงแค่ไหนก็ตาม มันก็ได้แต่แข็งแรงเท่านั้น จะเอาไปประกอบ คุณงาม ความดีอะไรก็ไม่ได้ แค่จะเอาอาหารไปฝาก แม่ของมันสักมื้อ ก็ยากแล้ว แต่มนุษย์ทำได้ และทำได้ดีเสียด้วย
เพราะฉะนั้น รูปร่างของคนเรานี้ ถ้าเปรียบเป็นโรงงาน ก็เป็นโรงงานชนิด ที่สามารถผลิตความดี ได้อย่างมี ประสิทธิภาพสูงสุด กว่าบรรดาโรงงานทั้งหลาย
ร่างกายที่มีประสิทธิภาพอย่างนี้ เราได้มาจากแม่ แม่ให้โรงงานนี้แก่เรา ไม่ใช่คนอื่นให้ และไม่ใช่เทวดาเสกมาให้ด้วย พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สังขารโลกของเรา มีคุณตรงที่ว่า สามารถเอามา ประกอบคุณงามความดีได้สารพัด
แต่ว่าถ้าแม่ไม่ได้อบรม ไม่ได้สั่งสอน ไม่ได้ปลูกฝังให้เราทำแต่ความดีเรื่อยมาแล้ว เราก็อาจจะเอาสังขารโลกที่ได้มา ไปใช้ในทางที่เสื่อมเสีย หรือเอาไปใช้ถล่มทลายเหมือนอย่างกับหลายๆ คนในโลกนี้ ที่เขาถล่มทลายสังขารโลกของเขา ให้เราดู
ยกตัวอย่าง ที่เราต้องมาเป็นกัลยาณมิตรให้กับเขา ต้องมาต่อสู้ ต้องมารณรงค์กันทุกวันนี้ ก็เนื่องจากเห็นเขากำลังทำลายสังขารโลกของตัวเอง ด้วยการดื่มเหล้าบ้าง ด้วยการสูบบุหรี่บ้าง เราก็เลย ต้องมา เทเหล้าเผาบุหรี่ช่วยเขาอยู่นี่ ซึ่งถ้าไม่ได้คุณแม่ปูพื้นฐานมาให้ตั้งแต่ต้น เราก็คงจะมอง ไม่ออกเหมือนกัน
เมื่อเป็นอย่างนี้ ต้นทางแห่งความดีทั้งหลายของเรา จึงเริ่มต้นมาจากแม่ทั้งนั้น อย่านึกว่า ตัวเองเก่งไป แค่ท่านจับโยนลงถังขยะ หรือไม่ยอมให้เกิดในท้องของท่านล่ะก็ ไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้กันหรอก เพราะฉะนั้น พระคุณของแม่ที่อุปมาว่า พรรณนาจนกระทั่ง แผ่นฟ้าเต็มไปด้วยตัวอักษร น้ำในมหาสมุทรที่เอา มาแทนน้ำหมึก ก็เหือดแห้งไป และเขาพระสุเมรุ ที่เอามาใช้เป็นปากกา ก็สึกไปจนหมดนั้น ท่านหมายถึง แม่ประเภทที่ นอกจากให้ชีวิต ให้ร่างกายที่เป็นมนุษย์แล้ว ยังให้การอบรมสั่งสอน ให้ลูกเป็นคนดีทั้งทางโลกและทางธรรม จนกระทั่งลูกสามารถ เข้าถึงพระธรรมกายในตัวได้ ซึ่งเรียกว่า "แม่แก้ว" นั่นเอง
ไม่ใช่แม่ประเภทที่เรื่อยๆ เฉื่อยๆ อยู่นั่นแหละ เลี้ยงลูกแค่พอให้โตขึ้นมา แล้วต่างคนก็ต่างไป
"ลูกเอ๊ย แม่รักลูกมาก เอากะลานี้ไปขอทานนะ ถ้าเป็นคนอื่นแม่ไม่ให้หรอก"
หรือว่า "แม่รักลูกมาก แม่จึงสอนวิชาขโมยให้" อย่างนี้ไม่ใช่แม่แก้วแล้ว
ส่วนผู้ที่เป็นลูกก็เหมือนกัน นอกจากจะทำตัวเป็นลูกที่ดี เชื่อฟังและทำตามที่คุณแม่ ได้อบรมสั่งสอนอย่างดีแล้ว ถ้าคุณแม่ของใครยังไม่ทำทาน ยังไม่รักษาศีล ยังไม่นั่งสมาธิ ก็ต้องพยายาม ที่จะทำให้ท่าน รักในการทำทาน รักษาศีล และนั่งสมาธิ จนกระทั่งท่านเข้าถึงพระธรรมกายในตัวได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่ใช่ลูกแก้วอีกเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ต่างคนต่างกลับไปดูใจของตัวเองก็แล้วกัน ว่าเป็นแม่แก้ว หรือว่าเป็นลูกแก้ว กันหรือยัง

จังหวัดกระบี่

จังหวัดกระบี่ :: ข้อมูลทั่วไป

กระบี่ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามัน จากหลักฐานทางโบราณคดี สันนิษฐานได้ว่า บริเวณเมืองกระบี่เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณที่เก่าแก่มากแห่งหนึ่งในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และต่อเนื่องมาจนถึงสมัยประวัติศาสตร์ กล่าวกันว่าดินแดนนี้แต่เดิมคือเมืองบันไทยสมอ 1 ใน 12 เมืองนักษัตร ที่ใช้ตราลิงเป็นตราประจำเมือง ขึ้นกับอาณาจักรนครศรีธรรมราชนอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐาน เกี่ยวกับชื่อเมืองกระบี่ว่า อาจมาจากความหมายที่แปลว่าดาบ เนื่องจากมีตำนานเล่าสืบต่อกันมา เกี่ยวกับการขุดพบมีดดาบโบราณ ก่อนที่จะสร้างเมือง อันเป็นที่มาของสัญลักษณ์จังหวัดกระบี่ในปัจจุบัน

ลักษณะภูมิประเทศ

กระบี่ ประกอบด้วยภูเขา ที่ดอน ที่ราบ และหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 130 เกาะ ที่อุดมไปด้วยป่าชายเลน สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินเหนียวปนทรายและดินร่วน จึงเหมาะแก่การทำสวนยางพารา สวนปาล์ม สวนมะม่วงหิมพานต์ สวนกาแฟ สวนมะพร้าว บริเวณตัวเมืองมีแม่น้ำกระบี่ยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ไหลผ่านลงสู่ทะเลอันดามันที่ตำบลปากน้ำ นอกจากนี้ ยังมีคลอง ปกาสัย คลองกระบี่ใหญ่ และคลองกระบี่น้อย ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาที่สูงที่สุดในจังหวัดกระบี่ คือ เทือกเขาพนมเบญจา
กระบี่ ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนือ จึงมีเพียง 2 ฤดูเท่านั้น คือ ฤดูร้อนซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน และฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึงธันวาคม

อาณาเขตติดต่อและการปกครอง

กระบี่ อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครตามเส้นทางถนนเพชรเกษม (หมายเลข 4) ประมาณ 814 ก.ม. มีเนื้อที่ประมาณ 4,708 ตาราง ก.ม. โดยมีอาณาเขตดังนี้ทิศเหนือ จดจังหวัดพังงาและสุราษฎร์ธานีทิศใต้ จดจังหวัดตรังและทะเลอันดามันทิศตะวันออก จดจังหวัดตรังและนครศรีธรรมราชทิศตะวันตก จดจังหวัดพังงาและทะเลอันดามันจังหวัดกระบี่ แบ่งเขตการปกครองออกเป็น 6 อำเภอ 2 กิ่งอำเภอ ดังนี้คือ อำเภอเมืองกระบี่ อำเภอเขาพนม อำเภอคลองท่อม อำเภอปลายพระยา อำเภอลันตา อำเภออ่าวลึก กิ่งอำเภอลำทับ และกิ่งอำเภอเหนือคลอง

เชีงราย

จังหวัดเชียงราย :: ข้อมูลทั่วไป

เชียงราย เมืองเหนือสุดของไทยมีสถานที่น่าชมมากมาย ทั้งเมืองโบราณเก่าแก่ที่เชียงแสน และสบรวก ดินแดนแห่งามเหลี่ยมทองคำ อันลือชื่อ
เชียงราย มีเนื้อที่ ๑๑,๖๗๘.๓๖๙ ตารางกิโลเมตร อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ๗๘๕ กิโลเมตร แบ่งการปกครอง ออกเป็น ๑๖ อำเภอ ๒ กิ่งอำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอเชียงของ อำเภอพาน อำเภอแม่จัน อำเภอเชียงแสน อำเภอแม่สาย อำเภอแม่สรวย อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอป่าแดด อำเภอเวียงชัย อำเภอพญาเม็งราย อำเภอเทิง อำเภอเวียงแก่น อำเภอแม่ฟ้าหลวง อำเภอขุนตาล อำเภอแม่ลาว กิ่งอำเภอเวียงเชียงรุ้ง และกิ่งอำเภอดอยหลวง

ดอกไม้ประจำจังหวัด พวงแสด
ต้นไม้ประจำจังหวัด กาสะลองคำ หรือ ปีบทอง

ประวัติและความเป็นมา

เชียงราย เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่น้ำกก จึงเป็นดินแดนที่มีผู้คนเข้ามาตั้งหลักแหล่ง ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และมีความรุ่งเรืองสืบต่อกันมาหลายุคสมัย จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ค้นพบในเขตที่ราบลุ่มรอบแม่น้ำกก สันนิษฐานได้ว่า บริเวณนี้เป็นศูนย์กลางของชุมชนมาแล้วตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ.1800 เพราะมีร่องรอยของซากเมืองที่มีความเจริญ ทางวัฒนธรรมและศิลปะ อยู่ตามริมแม่น้ำกก ซากเมืองโบราณที่ค้นพบในปัจจุบันมีถึง 27 เมือง ตั้งแต่ อ.ฝาง ของเชียงใหม่ ซึ่งเป็นต้นแม่น้ำกก มาจนถึงเมืองเชียงแสน ซึ่งโบราณสถานเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า มีชุมชนตั้งถิ่นฐานอยู่ในลุ่มแม่น้ำกก อย่างหนาแน่น และได้ขยายตัวสร้างบ้านแปงเมืองกันไม่ขาดสายประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงรายเริ่มต้นในสมัยต้นพุทธศตวรรษที่ 19 โดยพญามังราย (พ.ศ.1781 - 1860) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์มังราย บุตรของพญาลาวเม็ง ผู้ครองนครหิรัญนครเงินยาง (เชียงแสนในปัจจุบัน) ได้ขึ้นครองราชย์แทนพญาลาวเม็ง ในปี พ.ศ.1802 และได้ย้ายราชธานี จากเมืองหิรัญนครเงินยาง มาสร้างราชธานีแห่งใหม่ ที่ริมฝั่งแม่น้ำกก เมื่อ พ.ศ.1805 และได้ขนานนามว่า เชียงราย หมายถึง "เมืองของพญามังราย"จากนั้นจึงได้รวบรวมหัวเมืองต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครือญาติสายเลือดลัวะจักราช เช่น เมืองเชียงไร เมืองไร เมืองปง เมืองเวียงคำ เชียงเงิน เชียงของ ฯลฯ เข้ามาไว้ในอำนาจ และแผ่อำนาจเข้าไปในเขตลุ่มน้ำปิง ปี พ.ศ.1839 ทรงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ให้ชื่อราชธานีใหม่ว่า "นพบุรีศรีนครพิงค์ เชียงใหม่" และครองราชย์อยู่ที่เชียงใหม่ตลอด โดยให้ราชโอรส ไปครองเมืองเชียงรายแทน เชียงรายจึงกลายเป็นเมืองบริวารของเชียงใหม่ไปเมื่อพญามังรายสวรรคตลง ภายในอาณาจักรล้านนาอันมีเมืองเชียงใหม่เป็นราชธานีเกิดความแตกแยก เจ้าผู้ครองนครแก่งแย่งชิงอำนาจกัน จนเกิดสงครามกลางเมือง พระเจ้าบุเรงนองฉวยโอกาส เข้าตีอาณาจักรล้านนาสำเร็จ พม่าได้ปกครองอาณาจักรล้านนาเป็นเวลากว่า 200 ปี และได้ฟื้นฟูเมืองเชียงแสนขึ้นเป็นเมืองสำคัญ ในการปกครองของหัวเมืองฝ่ายเหนือต้นพุทธศตวรรษที่ 24 สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี พญากาวิละ เป็นผู้มีบทบาทสูง ในการเกลี้ยกล่อมให้บรรดาเมืองต่างๆ ในล้านนา ร่วมมือกันต่อสู้กับพม่า แต่ยังไม่สำเร็จ จนกระทั่งสมัยรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ทรงส่งกำลังมาสนับสนุนพญากาวิละ ต่อสู้กับพม่าจนเป็นผลสำเร็จ ทรงสถาปนาให้เชียงใหม่เป็นประเทศราชของกรุงรัตนโกสินทร์ และแต่งตั้งพญากาวิละเป็น "พระเจ้ากาวิละ" ปกครองเมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ.2347 พระเจ้ากาวิละ ทรงยกทัพไปตีเมืองเชียงแสน และกวาดต้อนผู้คนออกจากบริเวณเมืองจนหมด เมืองต่างๆ รวมทั้งเชียงราย จึงถูกทิ้งให้เป็นเมืองร้างต่อมาในปี พ.ศ.2386 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 3 เชียงรายได้รับการบูรณะขึ้นอีกครั้ง ในฐานะเมืองบริวารของเชียงใหม่ โดยมีเชื้อพระวงศ์ชั้นผู้ใหญ่เป็นเจ้าปกครองนครในสมัยรัชกาลที่ 5 ทรงดำเนินนโยบายสร้างความเป็นเอกภาพทางการเมือง ประกาศจัดตั้งมณฑลพายัพขึ้น ในปี พ.ศ.2427 และยกเลิกหัวเมืองประเทศราชล้านนาไทย เมืองเชียงรายจึงจัดเป็นเมืองหนึ่งซึ่งขึ้นตรงต่อมณฑลพายัพ ในสมัยรัชกาลที่ 6 การปกครองแบบมณฑลเทศาภิบาลถูกยกเลิก เชียงรายจึงได้จัดตั้งขึ้นเป็นจังหวัดหนึ่งของสยามประเทศมานับแต่นั้น

อาณาเขต

ทิศเหนือ ติดต่อกับ ประเทศพม่าและลาวทิศใต้ ติดต่อกับ จังหวัดพะเยา และ จังหวัดลำปางทิศตะวันออก ติดต่อกับ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวทิศตะวันตก ติดต่อกับ จังหวัดเชียงใหม่ และประเทศพม่า

เกาะช้าง


ดูดวงตามเดือนเกิด

ใครหลายคนที่ยังไม่เจอคนรู้ใจ คงเฝ้านับวันและมีคำถามอยู่ในใจตลอดเวลาว่าเมื่อไหร่จะเจอสักที
แต่ก่อนจะถึงวั้นนั้น มารู้คร่าวๆ กันก่อนดีกว่าว่า เนื้อคู่ของคุณจะมีลักษณะอย่างไร แถมยังบอกได้อีกว่าถ้ามีลูกแล้ว ชีวิตครอบครัวจะเป็นอย่างไรต่อไป

เดือนมกราคม >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ ถ้าได้คนผิวนวลหรือผิว 2 สีก็ได้ จะถือว่าดีเยี่ยม ควรมีอารมณ์ขัน ไม่มุทะลุเคร่งเครียด โรแมนติกบ้าง เป็นนักคิด นักวางแผน หาทางรุ่งโรจน์ เป็นที่ปรึกษาที่ดี อารมณ์ดี ไม่ถือสาจุดเสียเล็กน้อยอื่นๆ ของคนเดือนมกราคม นี่คือลักษณะที่จะอยู่กับคนเดือนนี้ได้มีอย่างความสุข สดชื่น ยั่งยืนนาน ผู้ที่เกิดเดือนนี้มักจะได้คู่ที่ดี มีความรักใคร่กัน ครอบครัวไม่ทุกข์ยาก ถ้ามีลูกคนแรกเป็นผู้ชาย จะยอดเยี่ยมที่สุดค่ะ

เดือนกุมภาพันธ์ >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ ถ้าเป็นคู่เทียมก็จะทิ้งกันได้ในยามมีปัญหา คู่แท้จึงมีลักษณะเป็นเพื่อนตายที่มีความซื่อตรงต่อกันอย่างแท้จริง คอยตักเตือน ไม่ให้ถูกล่อลวงได้ง่ายและต้องทำใจได้กับนิสัยที่ชอบท้าทายของคนเกิดเดือนนี้ เนื้อคู่มักมีลักษณะสง่างาม คิ้วเข้ม ตาคม มีบุคลิกน่านับถือ ผู้ที่เกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่มีเกียรติ มีทรัพย์ จึงอาจถูกคู่ข่มบ้าง ถ้ามีลูกสาวก่อนถือว่าดีมาก

เดือนมีนาคม >>
เนื่อคู่ของคนเดือนนี้จะมีรูปร่างไม่สูง ไม่เตี้ย หุ่นกำลังดี พูดจาคารมเหลือร้าย มีความรู้ความสามารถและชอบชีวิตสุขสงบ เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อเกินตัว ถ้ารู้จักเข้าใจนิสัยเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของคนเดือนนี้ได้ ก็จะอยู่กันยั่งยืนค่ะ ผู้ที่เกิดเดือนนี้ต้องได้คู่ที่ช่วยงานกันได้ ถ้ามีลูกคนแรกเป็นลูกสาวจะไม่ค่อยได้ดั่งใจนัก

เดือนเมษายน >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ ควรมีผิวขาวหรือผิวเดียวกัน รูปร่างล่ำสันหรือสูงกำลังดี หน้ากลมอิ่มเอิบ สุขุมรอบคอบและมีวาทศิลป์ ช่วยเหลือใก้กำลังใจหรือคำปรึกษาที่ดีได้ เป็นคนขยันและปราดเปรียวก็ยิ่งดี ผู้ที่เกิดเดือนนี้ถ้าได้คู่ที่เด่นกว่า ในด้านใดด้านหนึ่ง ถือว่าเยี่ยมมาก ถ้าได้ลูกสาวคนแรก จะมีวาสนาดี

เดือนพฤษภาคม >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ เป็นคนรูปร่างกำลังดี ดวงตาสดใสน่ามอง คิ้วสวยได้รูป เป็นคนชอบทำบุญ มีลักษณะของผู้ใหญ่หรือผู้ดี รู้จักกาลเทศะ ไม่ก้าวร้าว เห็นแก่ตัว ผู้ที่เกิดเดือนนี้ถ้าคู่มีกำลังช่วยเสริม จะยิ่งทำให้รุ่งเรือง ลูกคนแรกหากเป็นผู้ชาย ถือว่าจะนำเกียรติมาสู่วงศ์ตระกูลในวันหน้าค่ะ

เดิอนมิถุนายน >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ มีลักษณะเพรียวบาง ใบหน้าเรียว มีความคิดอ่านลึกซึ้ง รู้จักพูดจาดีและถ้ารู้จักอดทนก็จะอยู่กันยืด เพราะทั้งคู่อาจจะไม่ได้อยู่ชิดใกล้หวานชื่นกันนัก ผู้ที่เกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่ซื่อสัตย์ ลูกคนแรกเป็นผู้ชายจะดี แต่ถ้าได้ลูกสาวก็ไม่มีผลร้าย

เดือนกรกฎาคม >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้ มักมีวัยที่แก่กว่าหรืออ่อนกว่า รูปร่างสูง จะมีเรื่องไม่เข้าใจกันเสมอ เพราะไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกต่อกัน หากแก้จุดนี้ได้ จะเป็นคู่ชีวิตที่อบอุ่นและรุ่งเรืองได้ดีที่สุดค่ะ คนเกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่ดวงตาสวย ถ้ามีลูกสาวก่อนลูกชาย จะมีเรื่องยุ่งยากใจค่ะ

เดือนสิงหาคม >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้อาจเป็นคนต่างชาติหรือลูกครึ่ง จิตใจทิฐิ ดื้อดึง เชื่อมั่นในตัวเองสูง ถ้าอารมณ์เสีย จะปากร้ายแต่ก็ขยันหมั่นเพียร หวังก้าวหน้า ก้าวไกลร่วมกับคนเดือนนี้ จะได้อยู่ร่วมกันจนแก่เฒ่า ลูกคนแรกจะดีมากถ้าเป็นชาย

เดือนกันยายน >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้จะได้พบแบบไม่ทันตั้งตัว เป็นคนผิวขาว รูปร่างไม่สูง ไม่เตี้ย ใบหน้าสั้น อารมณ์รื่นเริงดี ติดจะดูไร้สาระไปบ้างค่ะ คนเกิดเดือนนี้อาจจะต้องแตกแยกกับคู่ก่อนจะได้แต่งอีกครั้ง ลูกคนแรกถ้าได้ลูกชาย ถือว่าเป็นมงคลค่ะ

เดือนตุลาคม >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้เป็นคนสูงเพรียว ริมฝีปากบาง ถ้าขยันทำงานด้วยกันก็จะสมพงษ์กันที่สุด แต่ถ้าขาดจุดนี้ก็จะอยู่กันไม่นานและเนื้อคู่มักเป็นคนปากร้ายหรือพูดมาก ขี้หึงหวงแม้จะเจ้าชู้พอกัน คนเกิดเดือนนี้ ถ้าอยู่กินกันแล้วจะมีฐานะดีขึ้น ลูกคนแรกเป็นชายหรือหญิง ก็ถือว่าดีทั้งนั้น

เดือนพฤศจิกายน >>
เนื้อคู่ของคนเดือนนี้จะมีผิวพรรณดี รูปร่างดี ใบหน้ามน ชอบช่วยกันทำมาหากิน รักใคร่กันดี ทั้งยามสุขทุกข์ แม้ขัดใจกันบ้าง แต่ก็ไม่ทอดทิ้งกันค่ะ คนเกิดเดือนนี้จะได้คู่ที่เป็นคู่รักคู่กรรม ลูกคนแรกจะเป็นคนมีปากเป็นเอกค่ะ

เดือนธันวาคม >>
จะได้คู่ช้ากว่าเพื่อน เพราะจะเลือกคนที่เหมือนภาพวาดฝันไว้ให้มากที่สุด ทั้งเรื่องหน้าตา ฐานะและนิสัยใจคอ เนื้อคู่จะมีรูปร่างสูงกำลังดี ผิวพรรณละเอียด ผ่องใส คนเกิดเดือนนี้จะมีคู่ที่พึ่งพาได้ ลูกคนแรกจะไม่ดีนักถ้าเป็นชายค่ะ

ราศีตุลย์

ราศีตุลย์ (ผู้ที่เกิดระหว่าง 17 ต.ค.-15 พ.ย.)
คนเกิดราศีนี้ ในปี 2552 นี้ จะเป็นปีทอง เป็นปีแห่งความรุ่งโรจน์ ประสบความสำเร็จ ทั้งด้านการเรียน ก็สำเร็จตามที่ปรารถนา ด้านการงานก็เจริญก้าวหน้า และหลังเดือนเมษายนก็จะดียิ่งขึ้น การเงินไหลมาเทมาเป็นกอบเป็นกำด้านความรัก จะเจอคนรู้ใจ คนถูกใจ หรือถ้ามีคนรักอยู่แล้ว จะได้แต่งงาน สมหวังการเสริมดวง หาโอกาสไปกราบสักการะพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พระทองคำ เช่น พระแก้วมรกต ควรหาพระสมเด็จมาแขวนคอ จะทำให้มีกำลังใจ เกื้อกูลดีขึ้น

เมื่อมีรัก

ความรักบางครั้งทำให้ฉันต้องร้องไห้ เพราะความรู้สึกหวั่นไหวในบางอย่าง รู้สึกไม่มั่นคงในบางช่วงของเส้นทาง ไม่รู้ว่าจะก้าวย่างต่อไปได้อย่างไร
..................
ความรักบางครั้งทำให้ฉันมีความสุข แม้เจอเรื่องร้ายร้ายทำให้ทุกข์มากมายสักแค่ไหน เพียงมีบางคนกุมมือโอบกระชับให้ซบไหล่ น้ำตาที่รินไหลก็เหือดแห้งหายไปในทันที
...............
ความรักบางครั้งทำให้ฉันสับสน คิดทบทวนวกวนอยู่กับที่ ทำอะไรอะไรติดขัดไม่เป็นไปอย่างใจอยากมี ยิ่งเดินหาเหมือนกับมันวิ่งหนีไปแสนไกล
...............
ความรักบางครั้งทำให้ฉันนิ่งสงบ หยุดและสยบความรู้สึกฟุ้งซ่านได้ เพียงหลับตาเบาเบาเคียงข้างกับคนที่เข้าใจ กระชับกอดมอบอุ่นไอด้วยห่วงใยที่มี

ใครคนนั้น





ถ้าเราเกิดมาเพื่อที่จะรักใครสักคน คนๆ นั้นจะรักเราตอบ แต่ถ้าเราเกิดมา. . .เพื่อที่จะรักใครหลายๆ คน เชื่อเถอะว่า. . .จะไม่มีใครรักเราจริงแม้แต่คนเดียว บางครั้งความรัก อาจเดินผ่านเข้ามาในชีวิตเรา เพียงครั้งเดียวและไม่หวนกลับมาอีก เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า. . . ความรักครั้งนี้หรือครั้งไหน จะเป็นความรักครั้งสุดท้าย
มีหลายคนที่เราตามหา. . .แต่ความรักก็กลับหนีไป มีหลายครั้งที่เราไม่สนใจ. . .แต่ความรักกลับเดินเข้ามา อย่า...อย่ามองข้ามใครคนหนึ่งไป เพียงเพราะหาเหตุผลที่จะรักไม่ได้ อย่า...ถามหาเหตุผลเมื่อจะรักใคร แต่ให้ถามสัมผัสจากหัวใจว่า. . .รู้สึกอย่างไร
อย่า...มองหาความรักด้วยสายตา แต่ให้มองหาความรักด้วยใจ อย่า...เชื่อคำว่ารักที่ได้ยินจากสองหูทั้งสอง แต่ให้เชื่อคำว่ารักที่ดังก้องมาจากความรู้สึก และส่วนลึกของหัวใจ. . . ความรักเป็นสิ่งที่มีค่า แต่มันจะไร้ ค่าถ้าไม่มอบให้ใคร หากวันนึงเราพบใครสักคน ที่มองเห็นคุณค่าความรักของเราแล้วล่ะก้อ มอบความรักให้เค้าไปเถอะ แล้วเราจะรู้ว่า. . .ความรักนั้นมีค่าและมีความหมายเพียงใด

ชีวิตกับความรัก



ชี วิ ต กั บ ค ว า ม รั กท่านเขมานันทะ (อาจารย์โกวิท เอนกชัย)ท่านรองอธิการบดี ท่านคณาจารย์ และนักศึกษาผู้ที่สนใจในหัวข้อของธรรมบรรยายทั้งหลายหัวข้อบรรยายในวันนี้ คงทำความแปลกใจให้แก่ท่านผู้ฟังบ้างไม่มากก็น้อย ถ้าว่าหัวข้อนี้บรรยายโดยผู้ที่เป็นฆราวาส ก็คงจะไม่น่าแปลกประหลาดอะไร แต่ถ้าผู้บรรยายเป็นบรรพชิตหัวข้อ "ชีวิตกับความรัก" ก็คงจะเป็นเรื่องแปลกๆ อยู่ ข้อนี้ขอทำความเข้าใจกับท่านผู้ฟังสักเล็กน้อยก่อนว่า สิ่งที่เรียกว่า ความรัก นั้น มักไปปะปนกับสิ่งที่เรียกว่ากามารมณ์ เพราะไปหลงเข้าใจว่าความรักกับกามารมณ์เป็นเรื่องเดียวกัน ซึ่งที่จริงเรื่องทางเพศนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญอยู่เหมือนกันในชีวิตของมนุษย์ ในที่นี้ขอนำท่านมาสู่เรื่องความรักที่เหนือหรืออิสระจากกามารมณ์ ซึ่งดูเหมือนว่าไม่ค่อนมีใครเชื่อเสียแล้วในโลกปัจจุบัน เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำความแปลกใจให้ท่านบ้างเล็กน้อยในหัวข้อนี้ที่ถูกพูดโดยบรรพชิต แต่ถ้าท่านทั้งหลายทราบว่าอะไรเป็นอะไรกันแน่แล้ว บางทีท่านจะรู้โดยตนเองว่า ผู้ที่เป็นบรรพชิตนั่นแหละ คือผู้ที่กำลังแสวงหาความรักที่แท้จริงขอให้ตั้งต้นที่ชีวิตในปัจจุบันของมนุษย์เรา ในสังคมที่กำลังสับสน เราจะพบความจริงในชีวิตว่า เรากำลังว้าเหว่ และบรรดาสัตว์โลกทั้งหลาย ไม่มีสัตว์โลกใดว้าเหว่เท่ามนุษย์ จริงอยู่เราเห็นความรื่นเริงในหมู่มนุษย์ การร้องรำทำเพลง เต้นรำ หัวร่อสนุกสนาน แต่มีความว้าเหว่อย่างลึกซึ้งและมนุษย์กำลังรอคอยอะไรสักอย่างหนึ่งที่จะมาเติมเต็มตัวเองให้เต็ม เพราะมนุษย์ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองนั้นยังพร่อง และกำลังรอคอย สำหรับบางคนอาจจะรอความร่ำรวย หรือรอเงิน หรือรอเกียรติยศ แต่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกคนต้องการสรณะหรือที่พึ่ง ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นชาย หรือเป็นหญิง ทุกคนยังรู้สึกว่าตนเองพร่องหรือรอคอยความว้าเหว่ท่ามกลางการรอคอยนั่นแหละเกาะกินใจมนุษย์อยู่ แต่มนุษย์ฉลาดพอที่จะกลบเกลื่อนความว้าเหว่นี้ไว้ด้วยท่าทีอื่น

แต่แม้กระนั้นก็ดี ทุกคนจะต้องได้ยินเสียงกระซิบภายในตัวเองว่า เรากำลังคอยสิ่งที่จะมาเติมเต็ม และแท้จริง สิ่งที่รอคอยนั่นแหละคือความรัก เรากำลังต้องการความรักเพื่อเติมชีวิตที่พร่องนี้ให้เต็ม และการรอคอยโหยหาที่จะเติมให้เต็มนั่นแหละ คือการแสวงหาความรักหรือที่พึ่งแต่สิ่งที่เรียกว่าความรัก แม้ว่าจะเข้าใจที่พึ่งนั้นในระดับไหนก็ตามแต่สิ่งที่เรียกว่าความรัก จะกลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุด การรอคอยของมนุษย์เพื่อจะให้ถึงวันเต็มเปี่ยมนั้นเอง ได้ส่งผลเป็นความโศกเศร้าซึมในขณะที่รอ หรือไม่ก็ให้เต็มไปด้วยความหวัง และความหวังซึ่งจะมาถึงพร้อมกับรสหวานของชีวิต เรารู้สึกว่า เราต้องการใครสักคนหนึ่งมาช่วยปลอบประโลมในขณะที่เราเศร้าโศก หรือมาช่วยรื่นเริงเมื่อเราประสบโชค เราต้องการจะร่วมกันบันเทิงกับเพื่อนมนุษย์หรือใครคนหนึ่งที่เข้าใจเรามากที่สุด แต่เรามักจะไม่ค่อยคิดว่าเมื่อคนนั้นเข้าใจเราแล้ว เราพยายามเข้าใจเขาให้มากที่สุดด้วย ด้วยเหตุนี้ การแสวงหาความรักจึงเป็นปมที่สำคัญมาก โดยเหตุที่ว่า เรากำลังแสวงหาคนอื่นมาสนับสนุนตัว และเพื่อจะได้รักเขา ซึ่งเป็นเพียงผลตอบ หลังจากที่เขารักเรา เมื่อเป็นเช่นนั้นการแสวงหาความรักหรือสรณะเช่นนั้นเป็นการลงทุน มันมีข้อแม้ว่า ถ้าเธอไม่รักฉัน ฉันก็ไม่รักเธอ ข้อนี้เราจะเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นความรักที่แท้จริงไม่ได้ เราต้องการใครสักคนหนึ่งมางอนง้อเรา เราอาจจะเรียกมันว่า นี้เป็นท่าทีหรือลีลาของความรัก ที่จริงนั้นไม่ใช่ ความรักจะต้องไม่หมายถึงการพร่องอยู่ข้างใน แล้วเพื่อจะหาตัวบุคคลอื่นมาเติมให้เต็ม ความรักจะต้องหมายถึงความเต็มเปี่ยมและล้นออกไปสู่ผู้อื่นเพราะฉะนั้นเองความรักจะต้องหมายถึง "การให้" ไม่ได้หมายถึงการเรียกร้องเลย ถ้าว่าเป็นการเรียกร้อง นั่นมิใช่ความรัก แต่เป็นการขาดความรักอย่างรุ่นแรง

ความรัก

“ความรัก” ของหลายคน อาจไม่อ่อนหวานแต่ทุกคน(ส่วนใหญ่) อาจจะมี “ความรัก” ที่อ่อนไหวจะมีใครบ้างที่ไม่เคยอมยิ้มคนเดียวเพราะ “ความรัก”และจะไม่มีใครบ้างที่ “ความรัก” ไม่เคยทำให้ร้องไห้แม้แต่ครั้งเดียวหลายคนจึงบอกว่า
“ความรัก” เป็นเหมือน “ทะเล”
มีเวลาที่นิ่งสงบ มีเวลาที่มีคลื่นลมมีเวลาที่สวยงาม และมีเวลาที่น่ากลัวแต่ถึงอย่างไร ใครต่อใครก็ยังอยากจะไปทะเลเช่นกันไม่ว่าจะอย่างไร ใครต่อใครก็ยังอยากจะมีความรักแม้ว่ารักนั้นจะเป็นรักข้างเดียว
แม้รักนั้นจะทำให้ทุกข์ทรมานสักเพียงใดแม้รักจะทำให้หลับไปทั้งน้ำตาของความเสียใจก็ตามแล้วจะรักแบบไหน? ให้พอดีในความอ่อนไหวไม่จืดชืดเย็นชาจนน่าเบื่อ ขณะเดียวกันก็มีความมั่นคงในใจ
คำตอบที่มีให้ คือให้ รั ก กั น แ บ บ ทะ เ ลโดย ห่วงใยกัน ให้มากเท่าเท่ากับเม็ดทรายให้อภัยกัน ให้ได้ . . . ..เหมือนที่ทะเลไม่เคยโกรธเกลียวคลื่น
ไม่ว่าคลื่นจะโหมกระหน่ำรุนแรงแค่ไหนในบางครั้งที่ต้องห่างไกล หัวใจก็ต้องคงมั่นได้เหมือนโขดหินไม่เปลี่ยนใจง่าย ไม่อ่อนไหวไปรักคนอื่นให้ความอิสระ เหมือนอย่างนกทะเลต้องการจากท้องฟ้าอย่ากักขังคนรักไม่ให้คบเพื่อน ไม่ให้ไปไหนทั้งนั้น
ความผูกพันไม่ใช่คุก ถึงจะคบกันแล้วก็ไม่ได้หมายความว่าต้องสบตาฉันคนเดียวเท่านั้นและไม่ทำตัวเป็นเจ้าของหรือออกกฏหมายบังคับอีกคนเพราะทะเลก็ยังไม่เคยครอบครองปลา
แล้ว “ความรัก” ที่แม้จะดูอ่อนไหวและแปรปรวนก็จะเป็น “ความรัก” ที่มีอยู่นาน เช่นเดียวกับที่ทะเลมีอยู่บนโลกนี้